โลก
“นี่คือบ้านอัน
บูดๆเบี้ยวๆยิ่งใหญ่ ของพวกเราทุกคน”
“เปล่า ข้ายิ่งใหญ่กว่าพวกเอ็ง”
“แล้วเทพเจ้าที่สร้างโลกนี่พวกเอ็งลืมกันไปแล้วเรอะ”
โลก(ปะกิด:Earth,World,Terra)เป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่เรารู้จัก ในปัจจุบันโลกมีประชากรคนจวนจะล้นทะลักอยู่แล้ว ซึ่งคนก็เริ่มหาดาวอยู่ใหม่บ้างนิดหน่อยในศตวรรษที่ 32 โลกเป็นสิ่งที่ไม่เคยแตก และในอนาคตโลกก็จะไม่มีทางแตก แค่เกิดภัยพิบัติรุนแรงบางอย่างเท่านั้น จะแตกก็ต่อเมื่อดวงอาทิตย์ดับเท่านั้น
การสร้างโลก(ความเชื่อ)[แก้ไข]
มีบางคนเชื่อว่าโลกสร้างจากความประสงค์ของผู้เป็นเจ้า ที่ต้องการให้มีคนมาเซ่นไหว้ตน จึงสร้างโลกขึ้น กล่าวกันว่าทั่นนั้นบร๊ะเจ้ามาก เอ่ยสิ่งใดสิ่งนั้นจะปรากฏขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นภูเขา แม่น้ำ น้ำแข็ง แผ่นดิน สัตว์โลก ฯลฯ จึงทำการสร้างมนุษย์ขึ้น จากโคลนบ้าง จากไม้บ้าง สุดท้ายจากข้าวโพด เพราะมนุษย์ที่สร้างจากสองอย่างแรกนั้นทำตัวเหลวแหลกไร้แก่นสาร จึงล้างเผ่าพันธุ์ทิ้ง แล้วสร้างใหม่ มาลงตัวที่ข้าวโพดนี่แหละ[1]
กำเนิดโลก(ความจริง)[แก้ไข]
โลกเกิดขึ้นเมื่อสี่พันหกร้อยล้านปีที่แล้ว จากมวลสารมงคลที่ใช้ทำบร๊ะเครื่องมิกุต่างๆที่รวมตัวเข้าด้วยกันด้วยความโน้มถ่วง ตอนที่โลกเกิดขึ้นใหม่ๆนั้นร้อนมาก ภายหลังแมกมาด้านบนเย็นตัวลงเป็นเปลือกโลก และโลหะหนักจมลงสู่ใจกลางโลก ไม่นานนัก สิ่งมีชีวิตก็เริ่มอุบัติขึ้น โดยเริ่มจากแบคทีเรียเซลล์เดียวที่ไม่หายใจด้วย O2 ภายหลังมีแบคทีเรียคล้ายพืชช่วยสังเคราะห์ O2 ใช้เวลาระยะหนึ่งที่โคตรนาน แล้วจึงเริ่มมีสิ่งมีชีวิตที่ใช้ O2 ขึ้นมาบ้าง ต่อมาเซลล์ต่างๆเริ่มรวมตัวเป็นชีวิตหลายเซลล์ ระหว่างนี้เกิดวิกฤตโลกก้อนหิมะถึงสองครั้ง เมื่อผ่านพ้นไป ก็เริ่มมีสิ่งมีชีวิตประเภทแมงกระพรุนเกิดขึ้น ต่อมาในช่วงกาลทวีชนิดพันธุ์ยุคแคมเบรียน จึงมีสัตว์ที่หลากหลายขึ้น เมื่อสีร้อยล้านปีก่อน สัตว์เริ่มขึ้นจากน้ำมาอยู่บนบก สองร้อยห้าสิบล้านปีก่อน ก็เกิดหายนะทั้งอุกกาบาต ภูเขาไฟ น้ำขาด O2 ทำให้สิ่งมีชีวิตประมาณ 90% ต้องหายไปจากโลก และเข้าสู่ยุคไดโนเสาร์ เมื่อไดโนเสาร์สาบสูญ สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนมจึงค่อยๆครองโลก จนกระทั่งเมื่อห้าล้านปีก่อนก็เริ่มมีมนุษย์วานร คนจริงๆเกิดเมื่อสองล้านปีก่อน และมนุษย์สายพันธุ์ปัจจุบันเกิดขึ้นเมื่อแสนปีก่อนนี่เอง ดำรงชีวิตด้วยการล่าสัตว์หาของป่าในช่วงยุคหิน และเพิ่งจะมาอยู่แบบสังคมเกษตรกรรม เริ่มสร้างเมืองเมื่อหมื่นปีก่อนนี่เอง ตอนนั้นคือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์โลก
ภูมิศาสตร์[แก้ไข]
ภูมิประเทศ[แก้ไข]
พื้นที่มากว่า 70% ของโลกเป็นน้ำ ส่วนใหญ่เป็นทะเลและมหาสมุทร ส่วนที่เป็นพื้นดินก็เป็นทะเลทรายไปซะครึ่งที่อยู่ได้จริงๆก็แค่นิดเดียวเท่านั้น คือพื้นที่อุดมสมบูรณ์พูนสุโขสโมสร พื้นที่แถวๆดังกล่าวเป็นแหล่งของอารยธรรม ส่วนพวกเร่ร่อนไม่มีที่อยู่ก็ไปแถวๆทะเลทรายโน่น แต่ทะเลทรายก็ใช่ว่าทำอะไรไม่ได้นะ ดูที่ดูไบเป็นตัวอย่างซะก่อน
ภูมิอากาศ[แก้ไข]
แบ่งภูมิอากาศโลกเป็นสามแบบใหญ่ๆคือเขตหนาว เขตอบอุ่น และเขตร้อนฉิบหาย แบ่งโดยใช้เส้นห้าเส้น ไม่ต้องบอกท่านก็คงรู้อยู่แล้ว แต่ถ้าจะแบ่งโดยละเอียดขึ้นมาอีกหน่อยล่ะก็ ก็จะมีเขตศูนย์สูตร มรสุมเขตร้อน ป่าฝน เมดิเตอร์เรเนียน เขตอบอุ่น ภาคพื้นทวีป ภาคพื้นสมุทร ทะเลทราย ทุ่งหญ้าสเตปป์/สะวันนา กึ่งขั้วโลก ทุนดรา พืดน้ำแข็ง และที่สูง หาเอาจากแผนที่ข้างล่างเองแล้วกัน
ข้อมูลทางธรณีวิทยา[แก้ไข]
บนโลก มีพื้นที่แถวๆบร๊ะม่า ต่อไปยังอินโดหนี้เสีย ออสเตรเลีย นิวเชี่ยแหลน ฟักลิปบิ๊กส์ ยุ่นปี่ เจี๊ยว รัสเสียว ผ่านหมู่เกาะอะลิวเชียน ไปอลาสกา แคนาดา สหรัฐอมาริเกย์ ล่าตีนอมาริเกย์ เกาะกาลาปากอส และอเมริกร๊วกใต้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวเรียกว่าวงแหวนไฟ บริเวณดังกล่าวมีแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด รวมทั้งสึนามิบ่อยครั้ง เมืองที่ทับแนวนี้อยู่ก็อย่างเช่นโตเกียว เมืองหลวงของยุ่นปี่ เมืองเชานนี้ถูกเรียกว่าเมืองที่รอวันตาย จากแผ่นดินไหวหรืออะไรซักอย่าง ลักษณะทางธรณีวิทยาอีกอย่างที่สำคัญก็คือสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก เป็นศูนย์กลางการขยายตัวของเปลือกโลก ทำให้มหาสุทรแอตแลนติกกว้างขึ้นทุกที ทว่าปีละไม่มากเท่าไหร่หรอก แค่ไม่ถึงสิบเซนติเมตรต่อปีเท่านั้นเอง บนโลกนั้นมีแผ่นเปลือกโลกใหญ่ๆดังนี้ โดยกรุณาดูแผนที่ข้างล่างนี้ประกอบไปด้วย
- แผ่นยูเลเชย(ยูหลบ เอเชย)
- แผ่นอินเดือย
- แผ่นออสเตรเลีย
- แผ่นอาหลับ
- แผ่นแอฟริกวน
- แผ่นอเมริกร๊วกเหนือ
- แผ่นอเมริกร๊วกใต้
- แผ่นนาซกา
- แผ่นแปซิฟิก
- แผ่นแอนกระต๊ากปากอ้า
สถิติที่สำคัญ[แก้ไข]
- ดินแดนที่ร้อนที่สุดในโลก -
ประเทศเทยทะเลทรายในประเทศปากีสถาน - ดินแดนที่หนาวที่สุดในโลก - ขั้วโลกใต้ หนาวจนมีน้ำแข็งใส
- ดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด - ที่ราบลุ่มแม่น้ำในประเทศเทย
- ภูเขาไฟที่ทรงพลานุภาพมากที่สุด - ภูเขาไฟในคามชัตกา หรือกรากาตัวในอินโดนีเซีย
- แผ่นดินที่ต่ำที่สุด - ทะเลสาบเดดซี
- เทือกเขาที่สูงที่สุด - เอเวอร์เรสต์
- ภูเขาไฟที่สูงที่สุด - เมานาคีอา(ฮาวาย ปัจจุบันดับแล้ว)
- ภูเขาไฟคุกรุ่นที่ใหญ่ที่สุด - เมานาลูอา(ฮาวายเช่นกัน)
- ถ้ำที่ลึกที่สุด - กรูเบอร่า ประเทศเจ๊าะเจี๊ยะ
- ที่ๆลึกที่สุดในโลก - ก้นมหาสมุทรแปลิปสติก ลึกสิบกิโลเมตร
- หลุมที่คนขุดได้ลึกที่สุดในโลก - ลึก 12 กิโลเมตร คาบสมุทร
โคคาโคล่า ประเทศรัฐเสียว - หลุมศพที่ลึกที่สุด - สุสานฟาโรห์เซติที่ 1 ลึก 136 เมตร
- สึนามิที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก - สึนามิในมหาสมุทรอินเดือย ปี 2003(มีผู้เสียชีวิตสองแสนกว่าคน เกิดจากแผ่นดินไม่ไหวขนาด 9 ริกเตอร์ ที่อาเจะห์ เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อประเทศเทย ทำให้ท่องเที่ยวปีต่อมาพังเกือบทั้งปี และทำให้ทุจศิล กินชะมัดเริ่มหมดอำนาจไปจากภาคใต้ของเทยด้วย)
- เหตุการณ์ที่ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้ และลึกลับมากที่สุดในโลก - สัตว์ตกจากท้องฟ้าพร้อมฝน
- ประเทศที่เก่าแก่สุด - ประเทศจีน
- ประเทศที่เกรียนที่สุด - ประเทศเกรียน
- ประเทศที่Inwที่สุด - จักรวรรดิเอริเชี่ยน
- ชนชาติที่มีมากที่สุด - จีน
- ชนชาติทีฉลาดที่สุด - ยิว
- ชนชาติที่โง่ที่สุด - เทย
- ประเทศที่โอตาคุที่สุด - สหภาพโอตาคุ-เกรียน
- ประเทศที่ยิ่งใหญ่และมีความหลากหลายทางชาติพันธุมากสุดแต่อยุ่กันได้-จักรวรรดิเยลโล่ซัน
สิ่งมีชีวิตบนโลก[แก้ไข]
แบ่งเป็นสามพวก คือพืช สัตว์ และอื่นๆ พวกพืชก็คือไอ้พวกผักผลไม้ที่เรากินอยู่ทุกวันนี่แหละ ต้นไม้ ดอกไม้ อะไรก็ว่าไป เหล่านี้คือพืช บนโลกนี้มีพืชเยอะมากจนขี้เกียจจะนับ แต่แบ่งเป็นสองพวกใหญ่ๆคือมีดอกกับไม่มีดอก ซึ่งพวกมีดอกก็แบ่งเป็นสายวิวัฒนการพื้นฐาน(อย่างเช่นบัว) พวกแมกโนเลีย ใบเลี้ยงเดี่ยว และใบเลี้ยงคู่ พวกไร้ดอกก็หลักๆก็เฟิร์น สน สาหร่าย อย่างไรก็ตาม วิธีการแยกแยะนั้นไม่จำเป็นต้องบอก เพราะรู้กันอยู่แล้ว ส่วนสัตว์ก็พวกมีสันหลังกับไม่มีสันหลัง พวกไม่มีสันหลังก็จะแยกออกเป็นพวกอะไรหาดูเอาเอง ตามตลาดสดกับแถวๆเขาใหญ่ ไปหาเอา แต่พวกนี้แยกออกจากแมลงซึ่งเป็นสัตว์ที่มีจำนวนเยอะจนรกโลก พวกมีสันหลังก็ปลา สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำที่เอามาทอดกินอย่างเอร็ดอร่อยกันทุกผู้คน สัตว์เลื้อยคลาน(อันน่าเกลียด) นก(ที่มีเยอะคือเป็ดไก่) สัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม(ควาย หมา พวกนี้ใช่หมด และยังมีประเภทอื่นๆอีกจนขี้เกียจบอก) ส่วนสิ่งมีชีวิตที่คิดเป็น ทำอะไรที่สร้างสรรค์ หรือแม้แต่ทำอะไรที่งี่เง่า มีสมองพอที่จะคิดอ่านเขียนเรื่องราวต่างๆได้ หนีไม่พ้นคนเรานี่แหละ มีเยอะมาก มองไปทางไหนก็มีแต่คน
ประชากรของโลก[แก้ไข]
ประชากรของโลกมีที่พูดภาษาต่างๆกัน ผิวสี สติปัญญา วัฒนธรรมต่างๆกันนั้นมีจำนวนรวมกันมากกว่า 6 พันล้านคน แต่ลดลงเยอะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สาม ประชากรของโลกที่แบ่งหลักๆก็เป็นพวกผิวขาว ผิวเหลือง และผิวดำ โดยพูดภาษาต่างๆกันแล้วแต่วัฒนธรรมในแต่ละภูมิภาคของโลก พื้นที่ๆมีประชากรหนาแน่นคือปักกิ่ง ห้องกรง เซี่ยงไฮ้ โมสิเก็กซิตี้ นิวหอร์ก และที่ขาดไม่ได้ก็คือเกรียนเทพมหานคร เมืองเหล่านี้มีคนแออัดยัดเยียดมาก บางครั้งคนมักไปอยู่อาศัยตามคอนโด เพราะคนต้องการอยู่เมืองใหญ่ในขณะที่เมืองใหญ่มีที่ดินไม่พอ จึงไปอยู่คอนโดกัน ซึ่งคอนดดนี่ก็มีประชากรที่หนาแน่นมาก เพราะในพื้นที่ไม่ถึงไร่ของบริเวณคอนโดสามารถอยู่รวมกันได้มากกว่าพันคน เพราะพื้นที่เล็กๆมีห้องเรียงซ้อนขึ้นไป ทำให้อยู่กันได้เยอะ จึงถือว่าเป็นบริเวณที่ผู้คนหนาแน่นมากที่สุดบริเวณหนึ่ง ซึ่งพื้นที่ที่มีการกระจุกตัวของคนแบบนี้ก็ยังมีตามตลาดใหญ่ วัดชื่อดัง ย่านการค้าที่สำคัญๆ
ประวัติศาสตร์โลก[แก้ไข]
ประวัติศาสตร์โลกมีความเป็นมานานมากจนขี้เกียจเล่า เริ่มตั้งแต่วิวัฒนาการของคน ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงปัจจุบัน และอาจต่อไปถึงในอนาคต ประวัติศาสตร์นั้นอาจเป็นจริงหรือไม่ก็ได้ เพราะมีคนเคยบอกไว้ว่า "โกหกซ้ำๆ เดี๋ยวมันก็จะกลายเป็นความจริงเอง" ประวัติศาสตร์โลกแบ่งเป็น 5 ยุค คือ
- ยุคไดโนเสาร์
- ยุคก่อนประวัติศาสตร์(ตั้งแต่โลกกำเนิดถึง 5000 ปีก่อนคริสต์ศักราช)
- ยุคโบราณ(5000 ปีก่อนคริสต์ศักราช - ค.ศ. 476)
- ยุคกลาง(476-1453)
- ยุคใหม่/ยุคทุจศินาธิปไตย(1453-ปัจจุบัน-2120)
บางครั้งอาจจะให้ยุคใหม่สิ้นสุดในปี 1945 หลังจากนั้นเป็นยุคปัจจุบัน แต่ที่ไร้สาระนุกรม เราสามารถโม้ประวัติศาสตร์ไปได้อีกเป็นพันปี จึงมีเพิ่มมาอีก 3 ยุคคือ
- ยุคเทยบีเรี่ยม(2120-2137)
- ยุคอำมาตยาธิปไตย(2137-2649)
- ยุคปลาย(2649-มหาสงครามโลกครั้งสุดท้าย)
การเมียโลก[แก้ไข]
ประเทศ[แก้ไข]
บนโลกมีประเทศมากมาย โดยแต่ละประเทศมักจะหาประโยชน์ใส่ตัวเป็นประจำก่อให้เกิดสงคราม แต่ละประเทศก็ปกครองไม่เหมือนกัน บ้างเป็นเผด็จการ บ้างเป็นประชาธิปไตย บ้างก็ปกครองแบบอื่นๆก็ว่ากันไป แต่ที่แน่ๆ ประเทศก็คือดินแดนที่มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง ปกครองแบบไหนก็ช่างแม่ง จะยากดีมีจนนั้นก็ไม่สำคัญเพราะต่างมีอำนาจต่อรองในเวทีโลกเหมือนกัน ประเทศที่มีอำนาจต่อรองในเวทีโลกมากี่สุดในปัจจุบันก็คือสหรัฐอมาริเกย์
ดินแดน[แก้ไข]
ดินแดนในที่นี้คืออาณาบริเวณที่ยังไม่มีอำนาจอธิปไตยเป็นของตนเอง ปัจจุบันยังมีกระจัดกระจายอยู่ทั่วโลก บ้างเป็นดินแดนที่มีคนอยู่อาศัยน้อย บ้างทำกินไม่ได้ แต่อาศัยเป็นจุดยุทธศาสตร์ของประเทศหมาอำนาจ ส่วนดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และมีที่ตั้งเหมาะแก่การทำธุรกิจนั้น มักจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งฟอกเงิน หรือฐานบัญชาเกรียนของนักโทษการเมียบางคน หรือแม้แต่ที่ตั้งของบริษัทหุ่นเชิดเพื่อทำการฟอกเงิน เช่นแอมเพิลริชเป็นต้น ดินแดนเหล่านี้บางครั้งถูกนำมาเป็นแหล่งหาเงินและฟอกเงินเป็นเวลานาน ทำให้สูญเสียเงินตราเป็นจำนวนมาก เข้าใกล้การล่มสลายเต็มที อย่างเช่นหมู่เกาะเกย์แมน นั่นเอง
การรวมกลุ่มเป็นประชาคม[แก้ไข]
ในโลกปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดสามารถยืนหยัดอยู่ได้เพียงประเทศเดียวเพราะกำลังมีน้อย ต้องอาศัยการรวมกุ่มกับประเทศอื่นเพื่อให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เพิ่มอำนาจต่อรองในเวทีโลก หรือรวมตัวเป็นพันธมิตรทางทเห่อเพื่อต้านอริราชศัตรู หรือรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจเพื่อให้มีความเสรีทางการค้าระหว่างประเทศในกลุ่มมากขึ้น กำหนดกำแพงภาษีแต่ละประเทศในกลุ่มเท่าๆกัน บางครั้งออาจรวมตัวในฐานะประเทศอุตสาหกรรม ทั้งนี้ ก็เพื่อให้ความช่วยเหลือกันเอง เนื่องจากประเทศเดียวไม่มีอำนาจต่อรองมากพอ และไม่มีประเทศใดสามารถคานอำนาจอมาริเกหย์ได้ ถ้าไม่รวมตัวเป็นประชาคม องค์กรที่ทุกประเทศจะต้องเข้าร่วมก็คือสหบาทาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรที่ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จัดสรรผลประโยชน์ของประเทศต่างๆในโลกเท่านั้น โดยประเทศหมาอำนาจจะได้เปอร์เซ็นต์เยอะกว่าประเทศเล็ก
จักรวรรดิ[แก้ไข]
ดูเพิ่มที่ จักรวรรดิ
จักรวรรดิเป็นระบอบการปกครองที่ล้าสมัยไปแล้ว เพราะจักรวรรดินั้นถูกมองว่าเป็นความโหดร้ายป่าเถื่อน การบังคับขู่เข็ญผู้ใต้ปกครอง แต่จักรวรรดิอาจเกิดขึ้นได้อีกถ้าผู้นำของประเทศใดประเทศหนึ่งบ้าอำนาจมาก แต่ถ้ามีการปกครองจักรวรรดิอย่างมีประสิทธิภาพ จักรวรรดิอาจจะกลายเป็นของดีก็ได้ เพราะจะทำให้ชาติเข้มแข็งขึ้น
ระบอบการปกครอง[แก้ไข]
บนโลกมีระบอบการปกครองหลักๆ ตั้งแต่เริ่มมีอารยธรรม ในที่นี้ ไม่นับการปกครองแบบชนเผ่า ที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ และการปกครองแบบนครรัฐ เพราะการปกครองแบบนครรัฐคล้ายกับการปกครองแบบอัตตาธิปไตย ที่ผู้ปกครองใช้อำนาจตามใจชอบอยู่มาก ดังนี้ โดยนับแบบทั่วทั้งโลกตามลำดับก่อนหลัง ได้แก่
- เทวาธิปไตย (ตั้งแต่สมัยมนุษย์กำเนิด ปัจจุบันเเหลือแค่จักรวรรดิเอริเชี่ยนเท่านั้นที่ใช้)
- อัตตาธิปไตย(ราว 2100 ปีก่อนคริสต์ศักราชถึง ค.ศ. 500)
- ระบอบศักดินา(ราวปีค.ศ. 500-1500)
- สมบูรณาญาสิทธิราชย์(1500-1918 เริ่มสลายตัวไปตั้งแต่ 1800 ปัจจุบันยังเหลือเดนอยู่ในบางประเทศ เช่นซาอุดิอาระเมีย)
- ระบอบรัฐธรรมนูญ(1800-2120 สลายตัวไปจนไม่เห็นทางฟื้นในปี 2156 คาดกันว่ามีการพยายามฟื้นตัวในช่วงสงครามโลกครั้งที่หก แต่ไม่สำเร็จ คาดว่ากลับมาอีกทีหลังอำมาตยาธิปไตยสลายตัวไปแล้ว)
- คอมมิวนิสต์ (1820-2650 ที่เหลืออยู่มีไม่กี่ประเทศ เช่น แมวแดงบาง สหภาพโอตาคุ-เกรียนบ้าง)
- ระบอบเกรียน(2018-2137 ยังเหลืออยู่ในปอบหยิบจนถึง 2694)
- อำมาตยาธิปไตย(2137-2650 บ้างว่าเริ่มก่อตัวตั้งแต่ 2010 แล้ว ในเยลโล่ซันถึง 2790)
- คณาธิปไตย และเอกาธิปไตย(ตั้งแต่ 2650 บ้างว่ามีการรื้อฟื้นระบอบรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่)
เศรษฐกิจโลก[แก้ไข]
การคมนาคม[แก้ไข]
ไม่มีอะไรมาก ก็แค่สัญจรไปมาระหว่างประเทศ หรือดินแดน หรือSubdivision ด้วยรถ รถเมล์ รถไฟ เรือเมล์ ลิเก ตำกวด เรือสำราญ Super Youth และเครื่องบิน มีความสะดวกสบายมาก เพราะปัจจุบันทั้งหมดต่างเดินทางได้เร็ว แต่ก็แล้วแต่สถานที่ เพราะบางที่ถนนแย่มาก บางที่รถติดสังกะโล บางที่ก็สนามบินห่วยแตก ท่าเรือทุเรศ พวกนี้ทำให้การคมนาคมไม่สะดวกสบาย
“กลับไปขี่เกวียนดีกว่า”
การสื่อสาร[แก้ไข]
ขณะนี้ทั้งโลกใช้ระบบดาวเทียมในการติดต่อสื่อสารระหว่างกัน ทุกประเทศจะต้องมีเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ จะเป็น 1G 2G 3G 4G หรือ 5G ก็แล้วแต่ แค่ให้รู้ว่าทุกที่มีเครือข่ายมือถือเป็นพอ ที่ประเทศไหนไม่มี ถือว่าล้าหลังมากอย่างกับเต่าล้านปี
การค้าระหว่างประเทศ[แก้ไข]
การค้าระหว่างประเทศนั้นเฟื่องฟูหรือซบเซาขึ้นกับสภาพเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของแต่ละบุคคล มักจะขึ้นๆลงๆไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ บางครั้งความคึกคักของการค้าอาจจะเกี่ยวกับหุ้นขึ้น-หุ้นตกด้วย คนในประเทศกำลังพัฒนามักจะเห่อของนอก แต่ต้องส่งออกเป็นรายได้หลัก ทำให้รายได้เข้าประเทศไม่มากอย่างที่ควร แต่ส่วนใหญ่แล้วนั้นปัญหาดังกล่าวมักจะให้ใช้ของในประเทศ เพื่อลดการไหลออกของเงินในประเทศ ซึ่งบางครั้ง นโยบายนี้ถูกมองว่าเห็นแก่ตัว
การลงทุนข้ามชาติ[แก้ไข]
ขึ้นกับหุ้น ทั้งนี้ การลงทุนข้ามชาตินั้น ส่วนใหญ่มักจะเป็นไปเพื่อประกอบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ การลงทุนมักพิจารณาจากความต้องการของคนในท้องถิ่นนั้นๆ แล้วเราค่อยเอาสินค้าไปยัดเยียดจำหน่ายให้ เมื่อรวยแล้วก็ถอนทุนคืน เป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป บรรยากาศการลงทุนขึ้นอยู่กับสภาพทางการเมีย เศรษฐกิจ และสังคมของท้องถิ่นที่ไปลงทุน ถ้าการเมืองวุ่นวาย สังคมไม่ค่อยเป็นปกติ เศรษฐกิจตกต่ำ ก็ไม่มีใครอยากลงทุนในท้องถิ่นนั้นนักหรอก
ทรัพยากรธรรมชาติ[แก้ไข]
ในเรื่องของทรัพยกรธรรมชาตินั้นแต่ละประเทศมีไม่เท่ากันขึ้นกับสภาพทางภูมิศาสตร์ ความกระหายเงินของนายทุนและอุปนิสัยของคนในชาติที่ช่วยกันผลาญทรัพยากร ทรัพยากรธรรมชาตินั้นมีค่ามาก เอาไว้ทำการค้าขาย ส่งออก ไปยังต่างประเทศที่มีทรัพยากรนั้นๆน้อยกว่า ประเทศที่ครอบครองทรัพยากรธรรมชาติไว้เยอะจะร่ำรวย เช่น ประเทศแถบอ่าวเพ้อเชี่ยที่อุดมด้วยทรัพยากรน้ำมัน ประเทศแถบเอเชยตะวันออกเฉียงใต้ที่อุดมไปด้วยป่าไม้ ทวีปแอฟริกวนที่อุดมไปด้วยรัตนชาติ เป็นต้น
หมายเหตุ: ความจริงสหรัฐอมาริเกย์มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะกว่าใคร แต่ไม่นำมาใช้ แล้วไปนำเข้าจากชาติอื่นเพื่อรักษาทรัพยากรในประเทศ เมื่อทรัพยากรนอกประเทศหมดอมาริเกย์ก็จะไปเอาทรัพยากรของตนออกมาใช้และขายราคาแพงๆ เอากำไรเข้าประเทศเยอะๆ เกรียนมากมั้ยล่ะ
สังคม[แก้ไข]
ศาสนา[แก้ไข]
ในโลกนี้มีหลายศาสนามาก จนขี้เกียจฝอย แต่สามารถแบ่งได้เป็นสองพวกคือ
- ศาสนาแห่งศรัทธา เป็นศาสนาที่มีเมพ มีพิธีกรรมทางศาสนาที่ชัดเจน เป็นศาสนาที่ทำให้คนเกิดความศรัทธา
และงมงายในบร๊ะเจ้าและศาสนานั้นๆ สามารถบังคับให้คนอื่นนับถือได้ เพราะใครๆก็รู้หมดว่าศาสนานั้นๆเป็นอย่างไร - ศาสนาแห่งปัญญา เป็นศาสนาที่ไม่มีเมพ ไม่มีพิธีกรรมทางศาสนาที่เด่นชัด บังคับให้คนอื่นนับถือไม่ได้เพราะผิดหลักศาสนา ที่ต้องการให้คิดดูให้ดีว่าคำสอนนั้นน่าเชื่อแค่ไหน มีความถูกต้องมากน้อยเพียงใด บางครั้งศาสนาพวกนี้อาจถือเป็นแค่ปรัชญาหรือลัทธิเท่านั้นในความคิดของใครบางคน
ซึ่งทุกศาสนาต่างก็สั่งสอนให้คนเป็นคนดี ไม่มีศาสนาไหนหรอกที่ต้องการให้คนเป็นคนเลว
แต่ในไร้สาระนุกรม บางครั้งอาจถือว่าการงมงายในบางสิ่งมากเกินไปอาจถือว่าสิ่งนั้นเป็นศาสนาได้ นอกจากนี้ ในไร้สาระนุกรม ยังถือความคิดและความเชื่อบางแบบที่ไม่น่าจะเป็นศาสนาได้ให้เป็นศาสนา เช่นศาสนาคนมีการศึกษาซึ่งไม่ต้องทำอะไรเลย ถ้ามีบุญวาสนามาก มีการศึกษาดี และมีชาติตระกูลสูงก็ถือว่าเป็นคนดี
การศึกษา[แก้ไข]
การศึกษาของโลกมีมาตรฐานที่ต่างกันออกไป แต่ส่วนมากมักเป็นระบบของยูหลบ หลักสูตรก็แบบของเขา เวลาเรียนก็แบบของเขา การศึกษาแบบนี้ทำให้ประเทศกำลังพัฒนาไม่มีตัวตนของตนอง ต้องตามตูดชาติหมาอำนาจเรื่อยไป บางหลักสูตรนั้นก็ไม่เหมาะกับท้องถิ่นด้วย ปัญหาที่ว่ามานี้พบได้มากในประเทศเทย
ภาษา[แก้ไข]
ในโลกมีภาษาหลากหลายกลุ่มมากจนขี้เกียจจะฝอยในหน้านี้ แต่ละกลุ่มก็ยังแยกย่อยเป็นอีกหลายภาษา คนที่เป็นคนละเชื้อชาติกันมักจะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ต้องใช้คุยกันแบบ Spoken by hand and foot กันอยู่เสมอ ภาษาที่มีคนพูดมากสุดคือ
ศิลปะและวัฒนธรรม[แก้ไข]
แล้วแต่วัฒนธรรมของแต่ละท้องที่ ความชื่นชอบของแต่ละบุคคล เพราะแต่ละรูปแบบวัฒนธรรมต่างๆในโลกนั้นมีรากฐานแตกต่างกันออกไป ศิลปะจึงมีรูปแบบต่างกันออกไปด้วย ช่างศิลป์ที่มีฝีมือที่สุดส่วนใหญ่มากจากประเทศอิตาขี้ อย่างไรก็ตาม ช่าวศิลป์ที่อื่นก็มีดี แต่มันแล้วแต่คนชอบด้วย เพราะคนมันหลายวัฒนธรรมอย่างที่ว่ามาแล้ว ทว่าในขณะนี้วัฒนธรรมที่กำลังครอบงำโลกคือวัฒนธรรมอมาริเกย์ ซึ่งทำลายวัฒนธรรมอื่น ทำให้เอกลักษณ์ท้องถิ่นหายไป เป็นภัยคุกคามสำคัญของหลายประเทศ รวมทั้งประเทศเทยด้วย
อาหารเครื่องดื่มยอดนิยม[แก้ไข]
แล้วแต่วัฒนธรรมอีกเช่นกัน และในโลกใบเดียวกันนี้มีความแตกต่างเกี่ยวกับอาหารการกินอย่างสุดขั้วดังนี้ คือฝรั่งมังค่ากินของเย็น แต่คนเอเชยกินของร้อน เมื่อคนเอเชยกินอาหารฝรั่ง ก็จะทำให้รู้สึกเลี่ยนได้ง่าย ทั้งในกลุ่มคนเอเชยด้วยกันก็ยังต่างกัน คือคนเทยชอบกินอาหารรสจัด ส่วนคนแถบเอเชยตะวันออกนั้นจะกินอาหารที่รสจืดกว่า เป็นต้น
ในปัจจุบันอาหารที่เป็นที่นิยมของคนทั้งโลกคืออาหารฟาสต์ฟู้ด เพราะทำง่าย กินง่าย เช่นไก่ KFC อาหารของแม็คโดเน่า เป็นต้น อาหารพวกนี้มีแป้ง น้ำตาล และเกลืออยู่ในปริมาณสูง บางครั้งอาหารเหล่านี้จึงถูกเรียกว่าอาหารขยะ และไม่เป็นที่ชื่นชอบของพวกอนุรักษ์นิยมอาหารดั้งเดิม รวมทั้งนักโภชนาเกรียนด้วย
กีฬา[แก้ไข]
กีฬาของโลกนั้นมีหลายประเภท ที่นำไปไว้ในโอลิมปิกนั่นแหละครับคือกีฬาสากลที่เลนกันทั้งโลก เท่าที่รู้จักก็มี
- ฟุตบอล
- บาสต์เกตบอล
- วอลเล่ย์บอล
- ยกน้ำหนัก
- มวยสากล
- ยิมนาสติก
- เทนนิส
- แบตมินตัน
- ปิงปอง
- ยิงปืน
- เบสต์บอล
- ฟันดาบ
- เพาะกาย
- กอล์ฟ
- กรีฑา
- ว่ายน้ำ
เหล่านี้คือกีฬาสากลที่คนทั้งโลกเล่นกัน เป็นกีฬาหลักในซีเกมส์ เอเชี่ยนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ คนทั้งโลกรู้จัก และยังมีกีฬาท้องถิ่นอื่นๆอีกมากมาย แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากีฬาที่กล่าวมาเลย มักเล่นกันในหมู่ชาวบ้านเวลาสังสรรค์กันเท่านั้น ซึ่งจะขอไม่พูดถึงในหน้านี้เพราะจะทำให้บทความเยิ่นเย้อและยาวเกินไป
วันสำคัญ[แก้ไข]
วันสำคัญของโลกก็มี
- Earth Day
- วันงดสูบบุหรี่โลก
- วันสตรีสากล
- วันเอดส์โลก
- วันงดใช้รถยนต์ของโลก
- วันคริสต์มาส
- วันปีใหม่
- วันตรุษจีน
- วันวารีไทร์ (จริงๆแล้ววันนี้ไม่สำคัญแต่คนเห่อกันมาก)
- April Fool Day (นี่ก็ไม่สำคัญอีกแต่คนมักจะหน้าโง่กันในวันนี้อย่างหาเหตุผลไม่ได้)
วันสงกรานต์
เป็นวันสำคัญที่ทุกคนจะต้องปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งตามวันนั้น ยกเว้นคริสต์มาสกับปีใหม่ เป็นวันที่คนทั้งหลายออกไปฉลองกัน อื่นๆนั้นเป็นวันสำคัญของแต่ละประเทศ เช่นวันชาติ ฯลฯ หรือวันสำคัญทางศาสนา วันพวกนี้ไม่ถือเป็นวันสำคัญระดับโลกเพราะไม่ได้มีความสำคัญกับทุกคน หรืออย่างน้อยก็ไม่สำหรับทุกประเทศ(คือสำคัญเฉพาะกับบางคนหรือบางประเทศเท่านั้น)
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ[แก้ไข]
แต่ละประเทศมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันภายใต้ร่มโพธิ์ร่มไทรร่มตาลร่มมะพร้าวของสหบาทาชาติ ทุกชาติมีการติดต่อค้าขายระหว่างกัน เจรจาการทูตระหว่างกัน มีความสัมพันธ์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งต่อกัน ทำให้โลกสงบสุขมาก การรวมกลุ่มเป็นประชาคมทำให้โลกมีสันติภาพมากขึ้นด้วย สิ่งี่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลวร้ายลงในปัจจุบันนั้น ก็เรื่องเดิมๆ คือการอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนทับซ้อนกับ เช่นกรณีแคว้นแคชผัวเมียร์ และกรณีเขาบร๊ะวิห่าน เป็นต้น อีกประการหนึ่งคือบางประเทศให้ที่พักพึงแก่นักโทษการเมียหรือนักโทษอะไรก็ตามแต่จะมีความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับอีกประเทศเช่นกัน เรื่องยาเสพติด โจรสลัด ก็เป็นสาเหตุ ปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในขณะนี้ของโลกคือเรื่องผู้ก่อเกรียนร้าย ประเทศใดสนับสนุนผู้ก่อเกรียนร้ายจะถูกอเมริโกยเอาทเห่อไปลง อีกเรื่องคือเรื่องการลดภาวะโลกร้อนคนละลาย ประเทศที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนเหล็กไม่ได้ตามเป้าจะถูกดูแคลนจากนานาชาติ อีกเรื่องคือนิวเกรียน ประเทศที่ทำอะวุธนิวเกรียนและทำตนอยู่ฝ่ายตรงข้ามอมาริเกย์จะถูกคว่ำบาตร ส่วนที่บร๊ะม่ามีสาเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับชาติอื่นเลวลงคือเรื่องการเมีย ซึ่งเป็นเรื่องที่นานาชาติไม่ควรไปเสือกยุ่งด้วยซ้ำไป เป็นการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเลวลงโดยใช่เหตุ
สงคราม[แก้ไข]
ในโลกนี้ได้เกิดสงครามใหญ่ดังนี้
- สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- สงครามโลกครั้งที่สอง
- สงครามโลกครั้งที่สาม
- สงครามโลกครั้งที่สี่
- สงครามโลกครั้งที่ห้า ภาคหนึ่ง
- สงครามโลกครั้งที่ห้า ภาคสอง
- สงครามโลกครั้งที่หก
- สงครามโลกครั้งที่เจ็ด
- สงครามโลกครั้งที่แปด
- สงครามโลกครั้งที่เก้า
- สงครามโลกครั้งที่สิบ
- มหาสงครามโลกครั้งสุดท้าย(สงครามโลกครั้งที่สิบเอ็ด)
- สงครามมหาปลัยกาแล็คซี่
- สงครามมหาปลัยกาแล็คซี่ 2
ทั้งนี้ยังไม่นับสงครามย่อยที่เกิดจนขี้เกียจนับ
สันติภาพ[แก้ไข]
เรื่องสันติภาพในโลกมนุษย์นั้นลืมมันไปได้เลย เพราะมันไม่เคยเกิดขึ้นเลย ผู้ที่คิดเรื่องสันติภาพจะถูกมองว่าขายชาติ
ความจริงแล้ว สันติภาพในโลกนั้นเกิดขึ้นเป็นครั้งคราวหลังสงคราม ดังคำกล่าวที่ว่า"ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ" สันติภาพนั้นจะยืนยาวนานหรือไม่นั้นขึ้นกับทิฏฐิของแต่ละประเทศ ถ้ามีบางประเทศเห็นแก่ตัว หรือมีปัญหาที่แค้นใจอะไรบางอย่างอยู่ ก็จะเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง ในปัจจุบัน มีความพยายามที่จะสร้างสันติภาพถาวรขึ้น โดยใช้สหบาทาชาติเป็นตัวเชื่อม ประเทศหมาอำนาจนั้นมักจะถูกมองในง่ใหม่ว่าควรให้ความช่วยเหลือประเทศเล็ก มีความเห็นแก่ตัวน้อยลง เช่นนี้สันติภาพถาวรจะเกิดขึ้นได้ แต่คงจะคว้าน้ำเหลวอีกครา เพราะสันติภาพที่เราท่านทั้งหลายเห็นอยู่นั้น Pax Americana มีอิทธิพลมากที่สุด แต่มีบางพวกไม่ยอมรับ อันอาจทำให้เกิดสงครามขึ้นอีกได้ในอนาคต คือสงครามโลกครั้งที่สามนั่นเอง
ลักษณะทางดาราศาสตร์[แก้ไข]
โลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 12,800 กิโลเมตร เป็นดาวเคราะห์หิน มีวัฏจักรของน้ำและคาร์บอนเป็นตัวทำให้โลกมีชีวิตชีวา โลกเป็นดาวเคราะห์ที่สามารถมีน้ำในสถานะของเหลวบนพื้นผิวได้เพราะห่างจากดวงอาทิตย์ในระยะที่เหมาะสม ทำให้มีอุณหภูมิพอเหมาะที่จะเกื้อกูลสิ่งมีชีวิตอยู่ได้ หมุนรอบตัวเองใช้เวลา 24 ชั่วโมง โคจรรอบดวงอาทิตย์ใน 365.25 วัน โลกมีดวงจันทร์ดวงหนึ่ง มีกระต่ายอาศัยอยู่ ไร้น้ำ ไร้ชีวิตชีวา มองไปทางไหนมีแต่หลุมอุกาบาต ช่างไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ดวงจันทร์โคจรรอบโลกใช้เวลาประมาณ 30 วัน การโคจรแบ่งเป็นสองช่วงคือข้างขึ้นกับข้างแรม เป็นอย่างไรไปศึกษาเอาเอง เมื่อโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์อยู่ในแนวเดียวกันจะดึงน้ำให้สูงขึ้นเรียกน้ำเกิด เมื่อดวงจันทร์ออกไปจากแนวน้ำลดเรียกน้ำตาย น้ำมักขึ้นในเวลากลางคืน ลงในเวลากลางวัน เอาแค่นี้แหละ
ระบบสุริยะและดาวเคราะห์เพื่อนบ้าน[แก้ไข]
ดูเพิ่มที่ ระบบสะริยุบ
ศึกษาเอาเองจากภาพนี้
โลกใหม่[แก้ไข]
เร็วๆนี้นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะ บางดวงอยู่ใกล้ดาวแม่มากจนเป็นดาวย่างสด บ้างก็ห่างมากจนกลายเป็นดาวแช่แข็ง ยังหาดาวเคราะห์ที่เหมาะสมยังไม่ได้ ส่วนมากเจอแต่ดาวเคราะห์ก๊าซ พักหลังๆมานี้พบดาวเคราะห์หินบ้าง แต่ทั้งหมดใหญ่กว่าโลก และส่วนมากมักอยู่ใกล้ดาวแม่เกินไป จนร้อนฉิบหายตับแตกตายอย่างดาว 55 Cancri e จนมาเจอระบบดาวเคราะห์ระบบหนึ่ง ดาวแม่ชื่อดาว Gliese 581 มีดาวเคราะห์สี่ดวง คือดาว Gliese 581 e,ดาว Gliese 581 b,ดาว Gliese 581 c,ดาว Gliese 581 d ดาว e,c,d เป็นดาวคราะห์หิน แต่มีเพียงดาว c และ d เท่านั้นที่อยู่ในเขตอุ้มชูชีวิต นับเป็นดาวเคราะห์หินดวงแรกๆนอกระบบสุริยะที่อยู่ในเขตนี้ บางครั้งอาจจะหาโลกใหม่จากดวงจันทร์ของดาวเคราะห์ก๊าซที่อยู่ในเขตนี้ได้เช่นกัน ดาวเหล่านี้ ในอนาคต อาจจะย้ายไปอยู่ได้ถ้ามียานอวกาศความเร็วเท่าแสง หรือเทพเจ้าพาไป
อ้างอิง[แก้ไข]
- ^ เอามาจากคัมภีร์โปโปลวูห์ของชาวมายา