อะเด้า ซิสเลอร์
เราจึงขอไว้อาลัยให้กับท่าน อะเด้า ซิสเลอร์ ด้วย |
“เจ้าเป็นแล้ว ”
“เจ้าก็ตื่นแล้วเช่นกัน ”
อะเด้า ซิสเลอร์ (อังกฤษ: Adult Sizzler, ยันละเมอ: Ädult Zissler) เป็นนักการเมืองสันดานสัญชาติออสเกรียนมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก ซึ่งต่อมาได้รับสัญชาตินาซันเยอรมีในภายหลัง โดยเขาเป็นผู้นำเผด็จเกรียนที่ชนะการเลือกตั้ง อีกทั้งยังเป็นผู้นำที่ใจดีที่สุดในโลก จนได้รับรางวัลโนเบลมาแล้วทั้ง 5 สาขา อีกทั้งยังเป็นแชมป์ชายหนวดงามถึง 56 สมัย เป็นดีไซเนอร์ฝีมือฉกาจผู้ออกแบบธงสวัสดีค่ะ อีกทั้งยังออกแบบเรือนจำชนิดขังลืมและถนนอู้ดโตบานอีกด้วย นับว่าเป็นคนดีที่โลกรอเลยทีเดียว และที่สำคัญ ซิสเลอร์ยังเป็นอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิสเลอร์เป็นชาวออสเกรียนใจดี มีเชื้อสายชิว แถมยังมีเมียเด็กกว่าตั้งเกือบ 30 ปี!?!
วัยเด็ก[แก้ไข]
อะเด้า ซิสเลอร์ ถูกพระเจ้าส่งมาเกิดบนโลกมนุษย์ใบนี้ครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 เมษายน โดราศักราช 1889 ที่ใต้สุสานแห่งหนึ่งในเมืองบาร์เน่า ประเทศออสเกรียน พ่อของเขามีเมียไม่เยอะ และแม่ของเขาก็เป็นหนึ่งในเมียไม่เยอะเหล่านั้น ในวัยเด็กซิสเลอร์ขาดความเวลาและความอบอุ่นจากบิดา เนื่องจากขาดผ้าห่มและซิสเลอร์ ซึ่งแม่ของเขาก็เกิดเห็นใจในปมด้อยของซิสเลอร์ จึงได้เซ้งบ้านไปเปิดร้านขายถ่านและนาฬิกา ทำให้ซิสเลอร์มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมั้ง ถึงแม้พ่อเขาจะไม่ต้องการความอบอุ่นโดยยังเปิดร้านขายน้ำแข็งใสอยู่ฝั่งตรงข้ามก็เถอะ แต่ซิสเลอร์ก็ไม่ชอบให้ใครมาวิจารณ์พ่อเขาในด้านดีๆ ซึ่งในวัยเด็ก ซิสเลอร์นับได้ว่าเป็นเด็กที่น่าสมเพชมากเลยทีเดียว เยสควยเอ้ย
วัยรุ่น[แก้ไข]
ว่ากันว่า ซิสเลอร์เป็นนักเกรียนที่เกรียนเรียนเก่งมากๆๆๆ ถึงมากที่ซู้ด!!! โดยเฉพาะวิชาศิลปะ และประวัติศาสตร์ และด้วยผลงานที่แสนดีเลิศประเสริฐศรีทางด้านศิลปะนี้ ซิสเลอร์จึงได้รับโอกาสเรียนต่อที่โรงเรียนเตรียมรัฐประหาร ทำให้มีโอกาสรู้จักกับนักเรียนรุ่นน้องชาวเทยคนหนึ่ง ซึ่งทั้งสองสนิทสนมกันมาก ขนาดนักเรียนรุ่นน้องคนนั้นขโมยเอาเครื่องหมายสวัสดีค่ะไปตั้งพรรรรรรรคการเมียคนใหม่ในเมืองไทยอย่างหน้าด้านๆ ในเวลาต่อมา จนต่อมาซิสเลอร์ก็เรียนจบ จนได้ศึกษาต่อในมหาลัยมหาหลอกลวง ในคณะศิลเปลอะ แต่เขาก็ผิดหวัง เพราะทางมหาลัยเห็นว่าเขาไว้หนวดไม่เหมาะสม ทำให้เขาต้องตกงานอยู่พักใหญ่
หลังจากตกงาน เขาก็ไม่มีรองเท้าจะใส่ ไม่มีมีดโกนหนวด ไม่มีเงินลงกระเป๋า ไม่มีอาหารลงท้อง นานเกือบ 3 ปี แต่ในที่สุด เขาก็ถูกจ้างจนได้ โดยเขาได้ทำงานเป็นผีเซนเตอร์โฆษณาสมุดบันทึกให้กับบริษัทมะม่วง แต่ต่อมาเขาก็ได้ทำงานโฆษณารถสามล้อ และน้ำหมักดับกลิ่นรักแร้อีกด้วย และต่อมาเขาก็ได้เป็นจิตรกรสมดังใจในเวลาต่อมา แต่ก็ตกงานเช่นเคย
สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง[แก้ไข]
เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติขึ้นมาในทวีปยูหลบ ซิสเลอร์ชายหนุ่มวัยฉกรรจ์ก็มิอาจอยู่เฉยได้ เขาจึงหนีทหารในออสเกรียน ไปโผล่เป็นทหารอยู่ที่ยันละเมอเสียะดื้อๆ และเขาก็โดนเด้งไปเป็นอยู่แนวหน้าที่เบลเหยียม และก็เด้งมาช่วยพวกเวียดกงรบอยู่ที่เดียนเบียนฟู ก่อนจะโคจรไปรบต่อที่สปาเกตตี้สเบิร์ก ซึ่งสร้างความสับสนให้กับซิสเลอร์เป็นอย่างมาก ซึ่งครั้งล่าสุด ทางการแม่ทัพเยอรมันเกิดอาการเมาเล็กน้อย จึงส่งซิสเลอร์ไปรบที่เกาะกินแลนด์ ซึ่งเหตุการณ์ทำให้ซิสเลอร์ต้องจดจำจนวันตาย เขาได้บรรยายความรู้สึกลงในหนังสือ การตบยุงของข้าพเจ้า ว่า...
หลังจากผ่านการรบที่แสนทรหดจากเกาะกินแลนด์ แต่แล้วซิสเลอร์ก็ประสบความสำเร็จความใคร่ในการชนะการแข่งขันโบว์ลิงกระชับมิตรที่เบลเหยียม โดยลงแข่งในนามกองทัพเยอรมัน ทำให้รัฐบาลเยอรมันเห็นความดีของเขา จึงแต่งตั้งให้เขาเป็นสิบโท พร้อมมอบเหรียญหน้าด้านกล้าหาญ แต่ระหว่างการแข่งขัน ซิสเลอร์ได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสทรมาณปางตายจากแก๊สไข่เน่า ทำให้เขาต้องกลับเยอรมันก่อนที่เยอรมันจะแพ้สงคราม ควยยย
หลังจากนั้น ซิสเลอร์ก็ประสบความสำเร็จความใคร่อีกครั้ง จากการชนะการแทงบอลและลงเล่นฟุตบอลโลกที่แอฟริกวนใต้ลงไปทางทิศเหนือ โดยซิสเลอร์เป็นดาวอภิมหาซัลโวประจำการแข่งขัน พร้อมมอบเหรียญกล้าหาญอีกเหรียญ และซิสเลอร์ก็ถูกหมามองชักว่าวแล้วให้ไปเล่นสโมสรบาร์เกย์โล้ดน่า ทีมที่เมพที่สุด และมีซูเปอร์สตาร์อย่างเม็ดสีอยู่ในทีมอีกด้วย


การเมีย[แก้ไข]
หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ซิสเลอร์ก็ได้กลายเป็นวีรบุรุษสงคราม เขาก็ได้ลงสนามเลือกตั้งที่โรงเรียนอนุบาลบ้างหนองนาดำ ในตำแหน่งประธานนักเรียน แต่เขาสอบตก จึงต้องสอบซ่อมที่เขต 1 ที่กรุงเบลอลินในนามพรรคสังคังชาตะนิยม หรือพรรคนาซันในปัจจุบัน ซึ่งเป็นเพียงพรรคการเมืองเล็กๆพรรคหนึ่งเท่านั้นเอง และมีแววว่าเจ๊ง แต่พอได้ซิสเลอร์เข้าไปบริหาร ก็เจ๊งใน 3 วิ แต่เพื่อความอยู่รอดของพรรค ซิสเลอร์จึงตัดสินใจที่จะเสียสละหนวดด้านข้างออก ทำให้เขามีหนวดเหลือแค่พุ่มเดียวเหมือนดังปัจจุบัน ทำให้เกิดหนวดทรงใหม่ที่โดนใจขาโจ๋ ทำให้พรรคนาซันได้รับคะแนนเสียงถล่มถทายจากประชาชนที่หลงใหลในหนวด
ชีวิตในเรือนจำ[แก้ไข]
หลังจากเล่นการเมืองมานาน ซิสเลอร์ก็ตัดสินใจใช้กองกำลังทหารทำการรัฐประหารในวันที่ 19 กันยายน ด.ศ. 1923 แต่ดันไม่สำเร็จ ก็เลยถูกจับไปกินข้าวแดงในคุกถึง 8 เดือน และในระหว่างถูกคุมขังนี้เอง เขาก็ได้เขียนหนังสือ การตบยุงของข้าพเจ้า เพื่อบรรยายความในใจ และความรำคาญยุงที่มีมากมายในห้องขัง โดยกำหนดการเดิมของซิสเลอร์คือ เขียนให้ได้ 8,000 หน้า แต่เขากลับเขียนได้ถึง 8,000,000 หน้า (เพราะเขาถูกขังลืมเกินกำหนด โดยโดนขังไป 2,678 ปี)
หลังจากถูกขังลืมในคุกมานานกว่า 8 ปี ซิสเลอร์ก็ได้จัดการปราศรัยต่อต้านยุงในเรือนจำของเขา ทำให้นักโทษจำนวนมากมีแนวคิดต่อต้านลัทธิยุงนิยม ซึ่งทางสมาคมยุงเยอรมันก็ได้ร้องเรียนไปยังผู้คุมเรือนจำว่าการกระทำของซิสเลอร์อาจจะทำให้ยุงในเรือนจำอยู่ในสภาพที่ไม่ปลอดภัย แต่ทางเรือนจำก็ยังยืนยันขังลืมซิสเลอร์ต่อไป ซึ่งทางสมาคมยุงก็กดดันเรือนจำต่อไปด้วยการขนย้ายประชากรยุงออกจากเรือนจำจนหมด และยังขู่ว่าจะขนย้ายยุงออกนอกเยอรมันให้หมด
ซึ่งข้อเรียกร้องให้เนรเทศซิสเลอร์ของสมาคมยุงนี้ ก็ร้อนไปถึงท่านประธานาธิบดีพอล หินดินเบิร์ก ซึ่งท่านประธานาธิบดีเห็นว่าถ้าหากชาวยุงอพยพออกนอกประเทศแล้ว ชาวแมลงวัน และชาวแมลงสาบ ก็ต้องอพยพออกไปตามแน่นอน จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวซิสเลอร์ออกมาจากคุกในที่สุด ทำให้ซิสเลอร์กับยุงสนิทสนมกันมากขึ้น
การเมีย (อีกรอบ)[แก้ไข]
หลังจากถูกปล่อยตัวออกมาแล้ว พรรคนาซันของซิสเลอร์ก็กลับมาได้ที่รังเกียจนิยมของชาวเยอรมัน ชาวยุง และชาวแมลงสาบ เพราะมีนโยบายต่อต้านการใช้ยากันยุงอย่าเปิดเผย และขวาจัดแบบสุดๆ ทำให้พรรคนาซันโกงการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลาย รวมไปถึงการนำนโยบายประชานิยมจากเพื่อนสนิทมาใช้ ทำให้พรรคนาซันมี ส.ส.ในสภามากถึง 230 ที่นั่งจากที่นั่งในสภาทั้งหมด 100 ที่นั่ง
หลังจากมี ส.ส.ในและนอกสภามหาศาลแล้ว ประธานาธิบดีพอลจึงตัดสินใจแต่งตั้งซิสเลอร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ที่เมืองศีรษะเกต ซึ่งทำให้ซิสเลอร์มีความพึงพอใจมาก แต่ความบ้าอำนาจทะเยอทะยานของซิสเลอร์ไม่หยุดแค่นั้น เมื่อมีการเผาสภาไร้สต๊ากเกิดขึ้น ซิสเลอร์ก็กลับเข้ากรุงเพื่อช่วยฉีดน้ำมันดับไฟ และสถาปนาตนเองเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของ นาซันเยอรมี
สงครามโลกครั้งที่สอง[แก้ไข]
เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองได้บังเกิดขึ้นบนโลก โดยที่ซิสเลอร์ไม่ได้ตั้งใจ ซิสเลอร์จึงปราศรัยโจมตีว่าตนกำลังถูกฝรั่งเผือกรังแก จึงต้องป้องกันตัวเองด้วยการยกทัพถล่มฝรั่งเศสเป็นจุล และด้วยความที่ซิสเลอร์มีความใฝ่ฝันอยากไปหอไอเฟลมากๆ จึงได้ยึดเศสฝรั่งเป็นเมืองขึ้นเสียเลย จากนั้นซิสเลอร์จึงได้คิดจะยึดอังเกรียน เนื่องจากเกรียนจัด(ข้ออ้าง)แต่เอมริเกย์มาช่วยไว้ ซิสเลอร์จึงหนีกลับเบอร์ละลินไป ต่อมาซิสเลอร์ได้ต่อเรอรบชือ บิดมาก แต่ว่าหลังออกจากท่าเจ็ดวันเจอเรือบรรทุกเครื่องบินอังเกรียน กับเรือรบ คิง จอด 5 ของอังเกรียนรุมยิงจนบานทะลักเนื่องจากน่าเย่อเกินจนจมไปในที่สุด (สาเหตุทำไมถึงโดนให้ดูรูปล่างๆเอา)

ผลงานโดดเด่น[แก้ไข]
อย่างที่บอก เขาเป็นวิศวกรที่ออกแบบเรือนจำมาได้ดีมากๆ เนื่องจากมีอัตราการหลบหนีของนักโทษต่ำ เขาได้สร้างเรือนจำสำหรับประหารอาชญากรร้ายแรงโดยเฉพาะ ซึ่งใช้ระบบประหารชีวิตใหม่ที่พาขึ้นสวรรค์ได้ในพริบตา นั่นก็คือก๊าซพิษ นอกจากนี้ เรือนจำของเขายังสามารถรองรับนักโทษได้มากมายมหาศาลโดยใช้พื้นที่ไม่มากนัก
การลำเลียงนักโทษประหารจะใช้รถไฟขนมาลงที่เรือนจำ นอกจากนี้กำแพงเรือนจำยังหนาและแข็งแรงราวกับกำแพงมินาสทิริท ท่อต่างๆก็จะถูกปิดไว้ด้วยกรงเหล็ก นอกจากนี้ยังใช้ระบบไฟฟ้าและเซนเซอร์ในการเตือนภัยอีกด้วย จึงหาคนรอดออกไปได้ยาก
ด้วยความสามารถนี้เอง จึงทำให้เขาถูกกองทัพอังเกรียนจับตัวไปในช่วงที่นาซันเยอรมีกำลังรับมือสหภาพโวเสี้ยต เพราะต้องการให้ซิสเลอร์สร้างเรือนจำอัดคาบ้านและเรือนจำเอาคาถาด ผลก็คือเรือนจำที่แข็งแกร่งสุดๆ ตามสไตล์แก
สัสตู่[แก้ไข]
เห่อหมอย เฟเกอร์ไลค์ เป็นลูกน้องของอะเด้า ซิสเลอร์ แต่ไม่ค่อยเชื่อฟังเขาซักเท่าไหร่เป็นคนเกรียนๆ(แต่ผมเสือกไม่เกรียน)เป็นคนที่ชอบแกล้งซิสเลอร์ตลอดเวลาบางครั้งก็ส่องเลเซอร์ไปที่ตรงนั้นแล้วให้หมากัดทำเอาซิสเลอร์จุกไปหลายวันบางครั้งก็ทำเกมส์กวนตีนๆขึ้นมาแล้วให้ซิสเลอร์เล่น บางครั้งก็แอบยัดปะทัดไว้ใต้ที่นั่ง สารพัดที่มันจะทำได้
รู้หมือไหร่[แก้ไข]
- ว่าซิสเลอร์เป็นมังสวิรัต ทำให้มีปัญหาในการอั้นตด
- ซิสเลอร์เคยออกกฏหมายห้ามต้มกุ้งทั้งเป็น (เนื่องจากอาหารกุ้งต้มในตอนนั้นจะหย่อนกุ้งตัวเป็นๆ ลงในน้ำเดือดอย่างรวดเร็ว) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขาไม่อนุญาตให้ประหารนักโทษด้วยการแขวนคอ
- ซิสเลอร์เป็นชาวออสเกรียน เชื้อสายชิวโฮโมเซเปี้ยน
- เกย์ซิสเลอร์แต่งงานกับเกย์ ซึ่งชื่อ
"กินตด ยูริ2""จู๋กาชวิลลี่"
เมื่อ(เจ้า)โลกมองซิสเลอร์[แก้ไข]

เขาเป็นที่ถูกเกลียดชังของคนทั่วโลก เพราะเขาล้างบางแดนชนคนอเมริเกย์ไม่ได้เลย แถมยังโดนเดนคนอเมริเกย์ตามกระทืบจนเละไปทั้งตัวด้วยหรรมเองและทั้งประเทศและในประเทศเย่อรมันส์ ผู้คนก็เกลียดชังเขามาก แม้แต่การแสดงสัญลักษณ์สวัสดิกะ หรือการชูมือในลักษณะของการทักทาย Sieg Heil ก็ถือว่าเป็นความผิดทางกฎหมาย (เรื่องจริงนะจ๊ะ)
เป็นที่รู้กันของพวกองครักษ์และคนสนิทว่า เขาสามารถถึงจุดสุดยอดดดดดดดด เมื่อเขาได้กล่าวสุนทรพจน์ และ เรื่องนี้เองที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับเหล่าเซ็กซ์โฟนเนอร์ในต่อมา
เหตุผลที่เขายอมรับเทย เข้ามาอยู่ในฝ่ายอักษะนี-วัตสัน ก็เพราะว่าเมื่อครั้งยังเด็ก เขาได้มีโอกาสลองชิมแตงโมอิมพอร์ตจากเทย ซึ่งเขาชอบมันมากๆ และได้ตั้งใจไว้ว่า เมื่อโตขึ้น เขาจะต้องมีแตงโมกินเป็นกองภูเขา และเมื่อหน่วยติดอาวุธพิเศษ Waffen-S.S. ว่างจากการศึกสงคราม ก็จะถูกซิสเลอร์ใช้ให้ไปทำงานเป็นชาวไร่ อยู่ในไร่แตงโมในประเทศเทยแทน และเต้เป็นผู้เชี่ยวชาญ (เพราะประเทศเทยปลูกแตงโมได้ดีมากๆ ยังไงละ) และกลายเป็น หน่วยแตงโมพิเศษ Wassermelone-S.S.
สมัยเป็นวัยรุ่น อะเด้า ซิสเลอร์ มีฐานะไม่ค่อยดีนัก เมื่อเห็นรถหรูๆ ก็ไม่มีปัญญาซื้อ เมื่อเขามีอำนาจ จึงสั่งให้เบนซ์และปอร์เช่ ผลิตรถถังP1000 จะได้ขับรถเหยียบและยิงพวกคนชั้นล่างได้ ด้วยแตงโม ซึ่งหลังจากนั้นมา 70 ปี ก็มีผู้ที่สืบทอดจิตวิญญาณของซิสเลอร์ในข้อนี้ โดยการขับรถเบ็นซ์เหยียบพวกชั้นล่างที่ป้ายรถเมล์ และทำท่าเกร็งมือ กดยิงไกปืนของรถถัง ตามแบบซิสเลอร์ นอกจากนั้น ซิสเลอร์ยังให้ BMW ผลิตมอเตอร์ไซค์ให้ซิสเลอร์ขับ เพื่อสนองความเก็บกดจากวัยรุ่น ซึ่งต่อมาหลังสงคราม มอเตอร์ไซค์ที่ถูกผลิตเป็นจำนวนมากและเหลือจากสงคราม ก็ได้ถูกเหล่าวัยรุ่นซื้อไป และได้กลายมาเป็นเด็กแว้นในที่สุด
ได้แรงบันดาลใจไว้หนวดบนใบหน้าจากแปรงขัดส้วมที่โดนหมาตัวโปรด 'blondie' กลืนไป
วิดีโอคลิปที่เกี่ยวข้อง[แก้ไข]
ท่านผู้นำกับเพื่อนรัก ในยามถังแตก |
---|
บทเพลงสรรเสริญทั่นอะเด้า ซิสเลอร์ |
---|
เมื่อซิสเลอร์โดนกักตัวเพราะโขกวิทย์-19ระบาด |
---|
ซิสเลอร์เป็นอะไรมากกว่าที่คุณคิด[แก้ไข]
เสียงวิพากษ์วิจารณ์[แก้ไข]
“ผมอยากจะสร้าง เมก้าซาวะ”
“เขาแค่ลองทดลองของเล่นชิ้นใหม่กับ เพื่อนๆ ชาวยิวแค่ไม่กี่ล้านคนเอง”
“ผมลืมมุงหลังคา ที่กำแพงแอตแลนติก แถวชายหาดเศษฝรั่ง”
“ผมลืมไปว่า การบุกแนวรบตะวันออกของรัสเซีย ผมดันลืมไปว่าการขนส่งบำรุงกำลังไม่ค่อยดีถ้ายิ่งไกล เลยทำให้พ่ายแพ้ เพราะทหารของผมรับของไม่ทัน”
“เขาเป็นลูกชายที่ยอดเยี่ยมกระเทียมดองที่สุดที่ข้าพเจ้าเคยเลี้ยงดูมา เขาเจี๋ยนชาวยิวไปตั้ง 6 ล้าน แถมยังฆ่าตัวตายเพื่อมาอยู่กับข้าพเจ้าอีก ข้าพเจ้าภูมิใจกับลูกคนนี้จริงจริ๊ง”
“ผมว่าจริงๆ แล้ว เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังอมาริเกย์แน่ๆ”
“อย่าไว้ใจคนมีหนวด !!!”
“โอ้โฮ หนวดพี่แกนี่มันไม่ธรรมดาจริงๆ นะครับ ไม่ได้ไว้ดกแบบพวกสุภาพบู๊หลุดในยุคนั้น แสดงให้เห็นถึงความ
บ้าพอกล้าที่จะแตกต่างจากคนอื่น แถมยังพอเพียงอีกด้วย ช่างเป็นหนวดที่เหมาะสำหรับคนมีศิลป์จริงๆ”
“ข้าลืมเขามิได้ เพราะว่าเขาช่วยเราสร้างสุดยอดคุกอย่างคุกไทยด้วย”
“เขานี้แหละที่เป็นต้นแบบให้ผมในการปกครองประเทศเทย”
“เขาลอกหนวดผมอย่างหน้าด้าน!! ทำเสียชื่อหมด!!”
“อะไร มึงเกิดหลังซิสเลอร์ตั้งหลายปี ซิสเลอร์ก็ตายก่อนด้วย แล้วมึงก็ไปเลียนแบบหนวดของซิสเลอร์มา มึงไม่รู้เรื่องเลยหรือนี่ มึงเป็นคนลอกมาเองไม่ใช่หรือ?”
“ไอ้ท่านผู้นั้น ไอ้มั่ว ไอ้ชากรีนกะไอ้ซิสเลอร์มันเกิดปีเดียวกันเฟ้ย แต่ไอ้ชากรีนมันเด้ดหลังไอ้ซิสเลอร์ รู้ป่าว ห๊า!!!”
“พ่อกูซิสเลอร์!แม่กูไม่มี!ดราม่าผีนาฮี!!!เทยยันละเมอ!เทยยันละเมอ!”
“เรารักท่าน เพราะท่านสอนให้เรารักประชาชน”
“ท่านคือต้นแบบในการบริหอนประเทศของผม”
“ซิสเลอร์ หรือจะสู้ เซเบอร์”
“หรือว่าจะสู้ แคสเตอร์ล่ะครับ”
“หรือจะต้องสู้ไรเดอร์หว่า?”
“หนวดน่ารักมากคะ.. แต่อิฉันไม่ชอบผู้ชายไว้หนวด”
“เห็นชื่อท่านที่ไร เพลง คืนความสุข นี่ลอยมาทุกที”
“ทุกวันนี้ท่านยังปลูกแตงโมที่ด้านมืดดวงจันทร์”
ดูเพิ่ม[แก้ไข]