ประวัติศาสตร์ยุคใหม่
![]() |
บทความนี้มีลักษณะไม่เป็นไร้สาระนุกรม ซึ่งอาจจะต้องเขียนใหม่ส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด หรืออาจทำการแจ้งลบแทน
เนื่องด้วยการใช้ถ้อยคำ รูปแบบการเขียน เนื้อหา หรือมีลักษณะอื่นๆ ซึ่งไม่ตรงตามนโยบายของไร้สาระนุกรม คุณสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ด้วยการกดที่ปุ่ม แก้ไข ที่เหมาะสม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อะไรที่ไม่ใช่ไร้สาระนุกรมและ นโยบายไร้สาระนุกรม |
ประวัติศาสตร์ยุคใหม่คือช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์ระหว่างค.ศ.1453 ไปจนถึงปีค.ศ. 2120 เป็นช่วงเวลาที่ทั้งโลกอุดมไปด้วยกระแสจักรวรรดินิยม การปฏิวัติ สังคมนิยม ปิดท้ายด้วยโลกาภิวัฒน์ที่นำพาโลกไปสู่ความเสื่อมโทรมทางด้านจิตวิญญาณ
อนึ่ง ตั้งแต่ปี 1945 ที่สงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง อาจนับเป็นสมัยปัจจุบันได้ แต่ในที่นี้ ขอเอามารวมกัน เพราะไม่ค่อยมีความต่างกันเลย
เรื่องราวสำคัญๆ[แก้ไข]
![]() |
เนื้อหาในส่วนนี้มีเนื้อหาสาระอันน่าปวดหัว
คุณไม่จำเป็นต้องอ่านเนื้อหาส่วนนี้ถ้าคุณไม่อยากจะสติแตกแบบคนในภาพ เด็กหญิงคนนี้เคยอ่านเนื้อหาในส่วนนี้ |
ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยา[แก้ไข]
ภายหลังสงครามครูเสดแล้วนั้น ชาวยูหลบส่วนมากจึงเริ่มสงสัยถึงความมีอยู่จริงของนรกสวรรค์ และพยายามที่จะหาทางพิสูจน์หาความจริง แต่ศาสนจักรที่หวงอำนาจก็ยังไม่อนุญาต จนกระทั่งเกิดการแตกแยกครั้งยิ่งใหญ่ของศาสนจักร ทำให้มีโป๊ปขึ้นสององค์ในเวลาเดียวกัน องค์หนึ่งที่โรม อีกองค์ที่อาวีญอง บางประเทศหนุนหนุนที่โรม บางประเทศนับถือที่อาวีญอง จนกระทั่งโป๊ปที่อาวีญงถูกชาวเมืองถีบส่งลงจากตำแหน่ง ความขัดแย้งจึงสิ้นสุดลง ทว่าเหตุการณ์นี้และการเสื่อมศีลธรรมของพระชั้นสูงทำให้มีคนศรัทธาน้อยลง ศาสนจักรจำต้องเลิกข้อห้ามต่างๆมากมาย กระทั้นศาสนจักรก็ยังคงมีบทบาทอยู่ในสังคม คอยขัดขวางการค้นพบและวิทยาการต่างๆอยู่ร่ำไป ผู้ที่เสนอความเห็นต่างจากศาสนจักรจะต้องตาย อย่างเช่นโคเปอร์นิคัสที่เสนอว่าโลกกลมก็ถูกทางศาสนจักรสำเร็จโทษ จนไม่มีใครกลาพูดถึงทฤษฎีของเขา ทั้งๆที่ทฤษฎีดังกล่าวมีมาตั้งแต่สมัยกรี๊ดโบราณแล้ว ภายหลังศาสนจักรอนุญาตให้ผ่าศพได้ จึงได้ปรากฏความรู้ใหม่ๆออกมา
ลีโอนาโด ดาวินชีโค้ด รหัสลับ ระทึกโลกเป็นหนึ่งในบุคคลไม่สำคัญในยุคนี้ เขาเป็นคนประดิษฐ์สิ่งที่นำไปสู่นวัตเกรียนสมัยใหม่แม้จำนวนมากแต่ก็ไร้ซึ่งความสำคัญเพราะใช้ประโยชน์ไม่ได้ ไม่นับรวมเรื่องโมนาลิซา ที่จะกล่าวถึงในหัวข้อต่อๆไป หมอดูกลับมามีบทบาทในช่วงนี้ เช่นนอสตาดามุดผู้ทำนายเหตุการณ์ต่างๆอย่างแม่นยำซะที่ไหนเล่า กลายเป็นที่โปรดปรานของเหล่ากษัตริย์ และตั้งแต่กาลิเลโอประดิษฐ์กล้องดูดาวเป็นต้นมา อิทธิพลของศาสนจักรทางโลกจึงหดหายไป พร้อมๆกับการปฏิรูปศาสนา
การค้นพบโลกใหม่[แก้ไข]
ชาวสเปือยสามารถยุติอำนาจของแขกมัวร์ผู้นับถือศาสนาซลาตันได้เรียบร้อยแล้ว จึงให้กะลาสีพาลคนหนึ่งที่ชื่อโคลัมบัสไปหาเส้นทางไปอินเดือย ทางทิศตะวันตก โคลัมบัสจึงล่องเรือกลางทะเลอยู่หลายสัปดาห์จึงไปถึงชายฝั่งของบาฮามาส แล้วไปตั้งอาณานิเกรียนแถวๆนั้น โคลัมบัสไปสำรวจอีกห้าครั้ง ราชสำนักสเปือยจึงส่งคนไปสำรวจใหม่ นับแต่นั้น ชาวยูหลบผู้ต้องการแสวงโชคจึงเดินทางไปยังอเมริกร๊วกเพราะหวังความร่ำรวยเป็นสำคัญ บางทีก็ข้ามหน้าข้ามตากษัตริย์สเปือยด้วย การสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่าของนักเผชิญโชคได้ล่มทุกอาณาจักรในอเมริกร๊วก ประกาศให้เป็นอาณานิเกรียนของสเปือยจนสิ้น ต่อมามีการสำรวจพื้นที่แถบลุ่นน้ำมิสซิซิปปี หวังว่าจะพบกับขุมความมั่งคั่งแต่ผิดหวัง อาณานิเกรียนของสเปือยในอเมริกร๊วกนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่มาก แต่มีคนน้อย แรงงานไม่พอ ต่อมาราชสำนักไม่ให้ใช้ชาวอินเดือยแดงซึ่งเป็นคนท้องถิ่นเป็นทาส เพราะทำให้ภาพลักษณ์เสีย จึงไปยึดอาณานิเกรียนตามชาวฝั่งของแอฟริกวนเพื่อจะเอาชาวนิโกรผิวดำจนเขียวมาเป็นทาสในอเมริกร๊วก สเปือยมีความทะนงตัวว่าเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ เพราะมีอาณานิเกรียนกว้างใหญ่ มีกองทัพเข้มแข็ง จึงส่งกองเรือเอ็งมาได้ไปตีอังเกรียน ซึ่งกองเรือดังกล่าวนั้นยิ่งใหญ่มากจนใครๆก็ผวาแค่เพียงนึกถึงมัน ไม่มีใครคาดคิดว่าจะแพ้ต่อทัพเรืออังเกรียนที่มีจำนวนน้อยกว่า กองเรือเอ็งมาได้จึงถูกเผาจนวอดวายไม่ต่างอะไรเลยจากโจโฉแตกทัพเรือ จนทำให้กองเรืออันเกรียงไกรนี้ถึงคราวอวสาน แม้การพ่ายแพ้ครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้สเปือยหมดบารมีแต่ก็มีหนี้สงครามเป็นจำนวนมาก ต้องเอารายได้จากอาณานิเกรียนมีใช้หนี้ดอกเบี้ยสูงนี้ ทำให้สเปือยเป็นหมาอำนาจได้เพียงร้อยกว่าปีเท่านั้น
การเดินเรือรอบโลก[แก้ไข]
เริ่มต้นโดยนักสำรวจชาวโป๊ตูดเกศ ที่เดินเรืออ้อมแหลมแบ๊ดโฮ๊ปไปอินเดือบ จึงค้นพบเส้นทางไปค้าขายในอินเดือยในที่สุด ระหว่างทางชาวโป๊ตูดเกศได้ยึดอ้าโกแลง และโมทำหงิกเอาไว้เป็นอาณานิคมของตน เขตอิทธิพลกระจายไปทั่วทุกน่านน้ำในโลก ภายหลังชาวสเปือยเอาบ้างส่งเฟอร์ดินานด์ มักเจนเลนไปเดินเรือรอบโลก ไปยึดผีลีปปีนมีเป็นอาณานิเกรียน แต่ถูกชาวผีลีปปีนฆ่าตาย แถมยังเอาไปแดกเป็นอาหารค่ำด้วย ลูกน้องของเขาเป็นคนคุมเรือกลับสเปือย การกระทำครั้งนี้ทำให้มีนักสำรวจชาวอังเกรียนและหอนแลนด์เอาอย่างโดยเดินเรือรอบโลกเพื่อเอาอาณานิเกรียนและตั้งสถานีการค้าเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง การเดินเรือรอบโลกพิสูจน์ว่าโลกกลมดิ๊กเพราะวนกลับมาที่เก่าได้ เป็นการบั่นทอนอิทธิพลของศาสนจักรไปอีกขั้นหนึ่ง
จักรวรรดิออตโตมัน[แก้ไข]
จักรวรรดิออตโตมันตั้งอยู่ในประเทศตุรโลกีย์เป็นจักรวรรดิของชาวเติร์คที่แยกตัวออกมาจากการปกครองของเซลจุก เดิมมีขนาดเล็กจนมองแทบไม่เห็นในแผนที่โลก ภายหลังมีการขยายอำนาจมากขึ้นจนล้มจักรวรรดิไบเซ็นเทยได้เป็นการปิดฉากยุคกลางไปในตัว สุลต่านของออตโตมันยิ่งกระหายอำนาจมากขึ้น โดยยกทัพโจมตีปอบหยิบและเอเชยไมเนอร์ ภายหลังแผ่อาณาเขตไปถึงแอฟริกวนเหนือ ทางด้านเหนือประชิดกรุงเวียนนา บร๊ะเจ้าสุไลมานผู้ไม่สง่าให้โจมตีเมืองนี้แต่ตีไม่แตก และภายหลังแพ้ทางน้ำกับทัพเรืออิตาลี เป็นการรบด้วยเรือพายครั้งสุดท้ายในยูหลบ จักรวรรดิออตโตมันขยายออกไปเรื่อยๆจนใหญ่สุดในปี 1683 โจมตีเวียนนาอีกแต่ก็แพ้ อาจจะเพราะเนื่องจากสุลต่านมีความสามารถลดลงหรืออย่างไรไม่ทราบ ทำให้ภายหลังเสียดินแดนไปเรื่อยๆ จนรัฐเสียวมองว่าออตโตมันเป็นคนป่วยระดับต้องเข้าห้อง ICU ของยูหลบ และพยายามตีให้แตกแต่อังเกรียนกับเศษฝรั่งมาช่วยเพราะกลัวว่าจักระทบต่อดุลอำนาจในยูหลบ ภายหลังประเทศแถบบอลข่านค่อยๆประกาศตัวเป็นอิสระทีละประเทศโดยเริ่มจากกรี๊ด
การเรืองอำนาจของรัฐเสียว[แก้ไข]
เดิมรัฐเสียวเคยเป็นเอกราชแต่ต่อมาตกเป็นเมืองขึ้นของพวกมองโกล ภายหลังมองโกลเสื่อมกษัตริย์ของนครรัฐต่างๆจึงเริ่มทำสงครามขยายอาณาเขต รัฐสำคัญคือมอสโค อีกชื่อ ราชอาณาจักรมัสโควี่ ในสมัยบร๊ะเจ้าอีวานมหาราชได้พิชิตนครรัฐอื่นๆลงและประกาศเอกราชให้รัฐเสียว นับแต่นั้นรัฐเสียวก็มีความต้องการที่จะขยายอาณาเขตโดยตลอด ในสมัยบร๊ะเจ้าอีวานทรราชย์ก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งกษัตริย์เป็นซาร์ บร๊ะองค์ขยายอาณาเขตไปทางตะวันออก และทำสงครามเพื่อยึดลิโวเนียมาเพื่อให้รัฐเสียวมีทางออกทะเลแต่ไม่สำเร็จ บร๊ะองค์ลงโทษผู้กระทำผิดด้วยความโหดร้ายทารุณ เมื่อตีเมืองแตกก็ฆ่าคนในเมืองให้หมด ทำให้มีคนไม่ชอบทั่นอย่างมาก ภายหลังโอรสที่ชื่อฟีโอดอร์ขึ้นครองราชย์ต่อ ทว่าเป็นกษัตริย์อ่อนแอ และไม่มีราชโอรส ทำให้ราชวงศ์รูริกที่อยู่มายาวนานสิ้นสุดลง รัฐเสียวอยู่ในช่วงเวลาแห่งความสะพรึงกลัว ตอนนั้นใครมาเป็นซาร์ก็ได้ถ้ามีแรงสนับสนุนและพลังน้ำชามากพอ จนกระทั่งมิคาอิล โรมานอฟได้เป็นซาร์ จึงเริ่มต้นราชวงศ์โรมานอฟอันรุ่งเรือง รัฐเสียวภายใต้การปฏิรูปของสังฆราชฟิลาเรตนั้นมีความเจริญทางอารยธรรมมากขึ้น เว้นเสียแต่ว่าสันดานคนรัฐเสียวยังคงป่าเถื่อนเหมือนเดิม ต่อมาก็มีการขยายอาณาเขตไปถึงมหาสมุทรแปลิปสติก ในสมัยบร๊ะเจ้าปีเตอร์มหาราชย้ายเมืองหลวงไปยังเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ทำสงครามกับสวีเด้าทำให้เปิดทางออกทะเลได้ ปฏิรูปวัฒนเวรกรรมทุกๆอย่างให้มีความอารยะมากขึ้น ป่าเถื่อนน้อยลง แต่หลังจากสวรรคต ก็เกิดความวุ่นวายเกี่ยวกับการแต่งตั้งกษัตริย์ ความวุ่นวายนี้สิ้นสุดในสมัยแคเธอรีนมหาราชินี ผู้ซึ่งยังคงพยายามออกทะเลต่อไปอย่างไม่ยั้งมือ โดยการแบ่งประเทศโป๊แลนด์เป็นสามส่วนให้สามประเทศคือรัฐเสียว ออสเกรียน และปรัสซวย ทั้งสิ้นสามครั้ง และขยายอาณาเขตออกไปทางใต้ ทั่นสิ้นชีพิตักศัยในปี 1796 ส่วนรัฐเสียวก็ยังคงขยายตัวต่อไปอีก ในสมัยอเล็กซานเดอร์ที่หนึ่ง รบชนะนโปเลียน จึงดึงเอาฟินแลนด์มาเป็นของตัวเอง สมัยนิโคลัสที่หนึ่งได้โจมตคีดินแดนต่างๆมากมาย แต่เสียทีแพ้สงครามใครมีเมีย รัฐเสียวจึงหันไปขยายอาณาเขตลงใต้ แต่ถูกพวกอังเกรียนหยุดไว้เพราะกลัวไปกระทบต่ออินเดือยของอังเกรียน รัฐเสียวจึงหยุดขยายตัว
อนึ่ง รัฐเสียวก็เคยแสวงหาอาณานิเกรียนเหมือนกัน คือการยึดอลาสกาและตั้งป้อมรอสส์ เป็นการตั้งอาณานิเกรียนในอเมริกร๊วกของรัฐเสียว แต่ภายหลังรัฐเสียวไม่เห็นความสำคัญ เนื่องจากดินแดนดังกล่าวเป็นแหล่งค้าขนสัตว์ เมื่อไม่ค่อยมีใครค้าขายขนสัตว์กันแล้วจึงขายดินแดนให้สหรัฐอมาริเกย์ โดยไม่เฉลียวใจเลยว่าดินแดนดังกล่าวมีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย รัฐเสียวสายตาสั้นในเรื่องนี้ไปจริงๆ
ยุ่นปี่ภายใต้รัฐบวมโชกุนโทกุงาวะ[แก้ไข]
ขณะที่ยูหลบอยู่ระหว่างการฟื้นฟูศิลปะวิทยา ในยุ่นปี่อยู่ระหว่างช่วงสงครามกลางเมืองอันโหดร้าย ภายใต้การปกครองที่ไม่ค่อยมั่นคงของโชกุนอะซึคางะ ต่อมาโอดะ โนบุนางะก่อกบฏ ล้มบะคุฟุได้สำเร็จ แต่ไม่กล้าตั้งตัวเป็นโชกุน เพราะขุนศึกของแต่ละภูมิภาคแข็งมืองอยู่ เมื่อโอดะ โนบุนางะตาย โตโยโตมิ ฮิเดโยชิขึ้นมาเป็นผู้นำ ปราบกลุ่มขุนศึกกลุ่มต่าง รวมแผ่นดินยุ่นปี่ให้เป็นหนึ่งเดียว ก่อนจะยกทัพไปตีเกาเหลา แต่ถูกทัพเรือเต่าของเกาเหลาสกัดการส่งกำลังบำรุง จึงถอยออกมา เมื่อฮิเดโยชิตาย กะจะให้ฮิเดโยริซึ่งเป็นลูกชายมาสืบทอดอำนาจ แต่โทกุงาวะ อิเอยาสุอยากปกครองเองจึงยึดอำนาจ ท่ามกลางการต่อต้านของมิตสึนาริ สุดท้ายอิเอยาสุรบชนะมิตสึนาริได้ที่เซกิงาฮาระ อิเอยาสุจึงตั้งตัวเป็นโชกุนที่เอโดะ สืบทอดต่อมาเป็นเวลาสองร้อยกว่าปี ระหว่างนี้ชาวตะวันตกได้เข้ามาแพร่ศาสนาบริสต์ในยุ่นปี่ โชกุนแต่ละคนหวาดกลัวมาก กลัวว่าศาสนาบริสต์จะทำให้วิถียุ่นปี่แปดเปื้อน จึงฆ่าหมอสอนศาสนาเป็นจำนวนมาก นอกจากนียังมีการปฏิรูป เพื่อที่จะลดความเป็นศักดินาลงเพราะสัวคมศักดิเริ่มถึงจุดเสื่อมแล้ว ปรากฏว่าการปฏิรูปในภูมิภาคสำเร็จแต่การปฏิรูปที่ส่วนกลางล้มเหลว ทำให้อำนาจที่ส่วนกลางลดลง ซามูไรเริ่มตกงาน พ่อค้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ทำให้ไม่มีกำลังไปต้านใคร เมื่อสหรัฐอมาริเกย์ส่งกองเรือกลไฟมาน่านน้ำยุ่นปี่ ยุ่นปี่จำต้องยอมเปิดประเทศอย่างง่ายๆเลยเพราะกลัวประเทศจะพินาศ สั่นคลอนอำนาจโชกุน สุดท้ายโชกุนโยชิโนบุซึ่งเป็นโชกุนคนสุดท้ายจึงสละอำนาจ เปิดทางให้กับการปฏิรูปเมจิ
จีนสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง[แก้ไข]
เมื่อมองโกลหมดอำนาจ จูหยวนจางจึงนำกำลังก่อกบฏล้มราชวงศ์หยวนของมองโกล ก่อตั้งราชวงศ์หมิงที่นานกิง ทรงบร๊ะนามว่าจักรพรรดิหมิงไท่จูบร๊ะองค์ปกครองโดยใช้สติเป็นอย่างมาก หลิวจีซึ่งเป็นที่ปรึกษาสละตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี หูเหวยยงจึงเข้ามามีอำนาจ แต่ก็ก่อกบฏ นับแต่นั้นจูหยวนจางจึงสั่งยุบตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี และไม่วางใจใครอีก เมื่อมีร่องรอยการทำผิดผลาดเพียงเล็กน้อยที่ความจริงไม่สามารถเอาผิดได้บร๊ะองค์ก็จะสั่งเก็บหมด จนขุนนางแทบจะหมดท้องบร๊ะโรง บร๊ะองค์จัดตั้งกององครักษ์เสื้อทองที่จะมีหน้าที่จับแพะ บีบไข่ บังคับขู่เข็ญขุนนางที่ต้องสงสัยว่าทำผิดด้วยวิธีต่างๆนานาให้ยอมรับผิดและยอมโดนลงโทษ ทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรเลย พูดง่ายๆ ทำหน้าที่เหมือนตำกวดเทยแทบทุกอย่าง ทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้ขันทียุ่งเกี่ยวกับราชเกรียนแผ่นดิน ต่อมาในสมัยหมิงไท่จงหรือฮุ่ยเต้ ไม่ได้ทำอะไรมาก แต่องค์ชายจูตี้มายึดอำนาจเพื่อตั้งตัวเป็นเจ้าเสียเอง ในสมัยนี้มีการสร้างบร๊ะราชวังไม่ต้องห้ามที่ปักกิ่ง และย้ายเมืองหลวงไปที่นั่น ส่งเจิ้งเหอไปสำรวจพื้นที่ต่างๆต่างแทบจะรอบโลก พร้อมกับใช้กลวิธีต่างๆที่จะรีดไถเงินจากเจ้าผู้ครองดินแดนต่างๆทำให้เจ้าครองประเทศและดินแดนต่างๆยอมส่งบรรณาการให้จีน ภายหลังกองเรือของเจิ้งเหอใช้เงินมาก ฮ่องเต้องค์ต่อมาจึงยุบกองเรือนี้เสีย ประเทศจีนจึงเริ่มปิดประเทศ แต่ก่อนหน้านี้มีการก่อตั้งตงฉั่งให้ขันทีควบคุม ในสมัยหมิงเซวียนจงชุบเลี้ยงขันทีหวางเจิ้น พอถึงสมัยหมิงอิงจงหวางเจิ้นก็ยุให้นำทเห่อไปปราบเหย่เซียนเจาผู้ครองเผ่าออยเร็ต แต่ไม่สำเร็จ โดนเล่นงานจนแย่ หวางเจิ้นถูกแม่ทัพคนหนึ่งฆ่าทิ้ง ส่วนหมิงอิงจงถูกศัตรูจับไป ในปักกิ่งตั้งฮ่องเต้คงใหม่มาครองอำนาจแทนอยู่เจ็ดปี สามารถปราบเหย่เซียนได้สำเร็จ หมิงอิงจงจึงกลับมาครองราชย์ต่อ แต่ฮ่องเต้หลังจากนั้นทุกคนไร้ความสามารถ ราชวงศ์หมิงจึงเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ ในขณะที่พวกแมนจูค่อยๆเรืองอำนาจขึ้นมาแทน ในจีนยังมีการตั้งซีฉั่งและเน่ยฉั่งขึ้นมาอีก ทำให้อำนาจขันทีสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่ไม่ชอบขันทีจึงตั้งพรรคตงหลินขึ้นมา แต่สุดท้ายพรรคขันทีเอาชนะพรรคตงหลินได้ และเอาคนในพรรคตงหลินไปฆ่าทิ้ง เหตุการณ์นี้แสดงความอ่อนแอของรัฐบวมอย่างชัดเจน ต่อมาในสมัยหมิงซือจง ก็ทำการล้มพรรคขันที ทว่าก็ไม่สามารถยั้งความเสื่อมของราชวงศ์หมิงได้อีกต่อไป กบฏชาวนาจึงเริ่มเกิดขึ้น ในปี 1644 หลี่จื้อเฉิงตั้งราชวงศ์ซุ่นล้มราชวงศ์หมิง จนหมิงซือจงต้องไปผูกคอให้หลังวัง แต่เนื่องจากไปมีความขัดแย้งกับอู๋ซานกุ้ย จึงเปิดด่านให้ทัพแมนจูบุกเข้ามา ราชวงศ์ซุ่นอยู่ได้ไม่ถึงเดือนก็ล่มสลายลง แต่กลุ่มกบฏและผู้สนับสนุนราชวงศ์หมิงก็ยังอยู่ และต่อต้านพวกแมนจูอย่างแข็งขัน สุดท้ายเจิ้งเฉิงกงก็ถอยไปไตหวาน และไล่พวกหอนแลนด์ที่เข้ามายึดเมืองออกไป ทว่าความพยายามต่อต้านแมนจูครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จเลยแม้แต่กลุ่มเดียว ถูกพวกแมนจูปราบได้หมด ผู้แปรพักตร์สามคนถูกตั้งเป็นซานฟานอ๋อง มีอำนาจมาก เป็นที่หวาดระแวงของราชสำนักชิงหรือแมนจู ฮ่องเต้คังซีของราชวงศ์ชิงจึงยกเลิกตำแหน่งนี้เสีย ทำใก้ทั้งสามก่อกบฏ แถวๆคุนหมิง และขอความช่วยเหลือจากไตหวาน แต่ทั้งหมดถูกราชสำนักชิงปราบได้อีกเช่นกัน ในสมัยนี้พวกรัฐเสียวเข้ามาโจมตีทางด้านเหนือ อย่างโหดร้ายทารุณเป็นที่เกลียดชังของประชาชน ราชวงศ์ชิงจึงส่งกองทัพไปขับไล่หลายครั้ง ท้ายสุดรัฐเสียวก็ยอมแพ้ ต่อมาในสมัยหย่งเจิ้ง มีการประหารผู้ไม่ภักดีจำนวนมาก ในสมัยเฉียนหลง ได้ขยายอำนาจออกไปกว้างไกลมากขึ้น รวมหนังสือทุกเล่มเข้ามาไว้ในซวีกู่เฉวียนซู่ เป็นหนังสือเล่มใหญ่เล่มเดียว แต่ในสมัยนี้มีการชุบเลี้ยงเหอซินผู้โกงกินจนทุจศิลยังจะต้องมาคารวะเป็นอาจารย์ กล่าวกันว่าหลังการเก็บเหอเซินแล้วนั้นก็พบว่าเหอเซินร่ำรวยผิดปกติมากขนาดที่ว่ามีเงินมากกว่าท้องบร๊ะคลังเสียอีก ต่อมาราชวงศ์ชิงก็ค่อยๆเสื่อมลง และชาติตะวันตกเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ลิ้มเจ๋อสวีทราบว่าอังเกรียนขนฝิ่งเข้ามาขายที่กวางโจว จึงเดินทางไปที่นั้นเพราะอยากจะสูบเอง และสั่งเผาฝิ่นจนหมด อังเกรียนโกรธจึงยกทัพมาตีสองครั้ง จีนแพ้ทั้งสองครั้ง เกิดกบฏไท่ผิงเทียนกั๋วต่อต้านระบอบศักดินา โดยมีฐานบัญชาเกรียนที่นานกิง สุดท้ายฝรั่งมังค่าเป็นผู้ปราบได้เพราะเสียนานกิงไป
อินเดือยสมัยมุลโก[แก้ไข]
สุลต่านบาบูร์เชื้อพระวงศ์ติมูร์ยกทัพมาตั้งอาณาจักรในอินเดือย ตั้งราชวงศ์มุลโกขึ้นที่เดลี ล้มสุลต่านคนเดิมลง ทว่าบร๊ะองค์ไม่ค่อยมีความสุขเมื่ออยู่ในอินเดือยนักเพราะมีคนจ้องจะใช้เดือยทำร้ายบร๊ะองค์ ความคิดนี้ทำให้โอรสที่ชื่อฮูมายุนติดฝิ่นและเสียเดลีไปให้แก่ข่านชาวอัฟกัน ใช้เวลากว่าสิบปีกว่าจะได้เดลีคืนมา โอรสที่ชื่ออักบาร์ครองราชย์ต่อมาเป็นกษัตรย์ผู้มีความสามารถ รวบรวมคนเก่งจากทั่วแผ่นดินมาวยงานในราชสำนัก พิชิตดินแดนได้เป็นจำนวนมาก อินเดือยมีความรุ่งเรืองมากจนใครๆก็อยากมาค้าขายด้วย สุลต่านคนต่อๆมาคือจาร์ฮังกีร์นั้นไม่ค่อยได้ทำสงครามและมีความสามารถไมเท่าทำให้บ้านเมืองแย่ลงนิดหน่อย ชาห์เจฮันผู้ครองราชย์ต่อมาเป็นพวกหลงเสน่ห์คนในตลาดตั้งให้เป็นราชินี มีโอรสสิบสามคน ราชินีคนนี้จึงชะตาขาด ชาห์เจฮันเสียใจมากรวบรวมช่างศิลป์และสถาปนิกมาสร้างทัชมาฮาล ที่ทำด้วยหินอ่อนสีขาว เป็นสุสานของราชินี ใช้เงินจนหมดท้องบร๊ะคลัง เมื่อสร้างเสร็จก็ควักลูกตา ตัดแขนขาของช่างทุกคนเพื่อไม่ให้ใครสร้างสิ่งที่สวยกว่านี้ได้อีก บร๊ะองค์เพ่งมองทัชมาฮัลนานเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ และคิดจะสร้างสุสานของตัวเองที่เป็นสีดำขึ้นอีก แต่บร๊ะโอรสไม่พอใจเพราะเงินหมดท้องบร๊ะคลังแล้วจึงรัฐประหาร โอรสทั้งสิบสามคนจึงรบกันเพื่อแย่งชิงราชบัลลังก์ สุดท้ายโอรังเซปเป็นผู้ชนะ และขยายอาณาเขตออกไปจนได้ดินแดนทั่วทั้งอนุทวีปอินเดีย แต่บร๊ะองค์ขับไล่ขุนนางชาวฮินดู ปกครองด้วยความโหดร้าย เก็บภาษีคนที่ไม่นับถือศาสนาซลาตันเป็นการใหญ่จนคนทั่วแผ่นดินไม่พอใจ ลุกฮือขึ้นก่อกบฏบ่อยครั้ง ชาวฮินดูตั้งอาณาจักรมราฐาขึ้นทางใต้ ชาวซิกข์ก็ประกาศเอกราช พวกราชปุตรต่างก็เอาใจออกห่างรัฐบวม เมื่อบร๊ะองค์สวรรคต ก็ไม่มีใครรวบรวมอินเดือยเป็นปึกแผ่นได้อีก ชาวต่างชาติจึงเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ บางครั้งก็มีผลประโยชน์ทับซ้อนกันด้วย มีการตั้งอาณานิคมโดยบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ที่สำคัญคือบริตีนอีสต์อินเดือยที่ได้รับพลังน้ำชาจากรัฐบวมอังเกรียน ต่อมาชาติอื่นๆค่อยๆถอนตัวออกไปเหลือแต่อังเกรียน ก็ได้เกิดกบฏซีปอยขึ้นในปี 1857 อังเกรียนจึงยุบบริษัทบริตีนอีสต์อินเดือยทิ้ง ประกาศให้อินเดือยเป็นอาณานิเกรียนของอังเกรียนที่ใช้ชื่อจักรวรรดิว่า"จักรวรรดิหงิกทำเนียน" พร้อมเนรเทศจักรพรรดิโมกุลออกนอกประเทศ แล้วบร๊ะราชินีวิกตอเรียจึงตั้งตัวเองเป็นจักรพรรดิอินเดือย เป็นการปิดฉากราชวงศ์มุลโกและเอกราชของอินเดือย
การปฏิรูปศาสนา[แก้ไข]
เนื่องจากความเสื่อมโทรมของศาสนจักร จึงทำให้มีนักบวชบางคนไม่พอใจ มาร์ติน ลูเทอร์จึงประกาศคำประท้วง 95 ข้อ และตั้งศาสนจักรของตนเองขึ้นมา โดยใช้ชื่อนิกายว่าลูเธอแรน หลังจากนั้นก็มีนักบุญพวกนี้ลุกฮือขึ้นต้านศาสนจักรที่กรุงโรม ที่สำคัญๆก็มีคาลวิน ที่อังเกรียน บร๊ะเจ้าเฮนรี่ที่แปดเป็นพวกตัณหาจัด จึงแยกตัวออกจากศาสนจักรที่โรมเพื่อที่จะสมรสและหย่าขาดได้หลายครั้ง พร้อมตั้งศาสนจักรขึ้นที่ลอนดอน มีชื่อนิกายว่าแองกลิคัน นอกจากนี้ในยูหลบยังมีอีกหลายนิกายที่แยกตัวออกมาเรียกรวมๆว่าโปรเตสแตนท์ ทั้งหมดทำให้จักรวรรดิโรมังงะอันไม่ศักดิ์สิทธิ์เกิดความไม่มั่นคงอย่างยิ่ง และกษัตริย์ของประเทศต่างๆที่ยังนับถือศาสนจักรที่โรมจึงพยายามใช้กองทัพปราบพวกที่นับถือโปรเตสแตนท์ แต่ปราบยังไงก็ปราบไม่หมดซักที ต่อมาสวีเด้ายอมรับนับถือนิกายลูเธอแรนเป็นศาสนาประจำชาติ ชาติยูหลบทั้งหลายจึงประกาศสงครามกับอังเกรียนและสวีเด้า รวมทั้งผู้นับถือโปรเตสแตนท์ทั้งหลาย ทำให้เกิดสงครามสามสิบปีขึ้น เมื่อถึงตอนนั้น ลัทธิโปรเตสแตนท์ก็หยั่งรากลึกในจิตใจคนยูหลบจำนวนมากแล้ว
สงครามสามสิบวินาที[แก้ไข]
เป็นสงครามระหว่างผู้นับถือคาธอลิก และผู้นับถือโปรเตสแตนท์ เป็นสงครามที่ก่อความเสียหายเป็นอย่างมากเพราะมีการใช้ทเห่อรับจ้างมาถล่มซึ่งกันและกัน ในช่วงแรกเป็นสงครามเกี่ยวกับศาสนา แต่พอความขัดแย้งทางศาสนาเริ่มคลี่คลาย มันก็ยังไม่หยุดรบกัน เพราะต้องการขยายอำนาจของตัวเองเข้าไปในจักรวรรดิโรมังงะอันไม่ศักดิ์สิทธิ์ สวีเด้าสามารถคบคุมดินแดนได้มาก แต่ภายหลังค่อยๆถอนตัวออกไป พวกฝรั่งเศษก็ขยายอำนาจมาทางตะวันออกมากขึ้น สงครามนี้ทำลายความเป็นปึกแผ่นของจักรวรรดิโรมังงะอันไม่ศักดิ์สิทธิ์ ดินแดนหดเล็กลงและแตกแยกเป็นก๊กต่างๆมากกว่าสามร้อยก๊ก จากสงครามนี้สวีเด้ากลับเรืองอำนาจขึ้น และไปทำสงครามกับเดนมาร์กที่แปรพักตร์ไปมา และแทบไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย
นโปเลียน[แก้ไข]
จักรพรรดินโปเกรียนเป็นลูกช่างซ่อมมอไซ พอโตขึ้นจึงใช้มอไซในการขยายอำนาจ แต่ว่าถูกปรัสเซียใช้ลูกโฟมสู้ในสงครามแห่งwaterloo
สงครามจีน–ญี่ปุ่น[แก้ไข]
ฝรั่งโปรตุเกสได้นำAVซึ่งก๊อปจากประเทศญี่ปุ่นเข้าไปในจีน ขายได้แผ่นละ0.001กีบ ทำให้ฝรั่งชาติอื่นๆทำตามมั่ง จนเมื่อประเทศจีนเกิดกามโรคระบาด พระเจ้าชิงต้าวกวังได้สั่งให้หลินเจ๋อสวีอำมาตย์ใหญ่ได้สั่งยึดหนังโป๊ จำนวนมากไปเปิดต่อหน้า ฝรั่งและนายทุนจีน แล้วเผาทิ้ง ทำให้อังกฤษส่งเรือรบมาปิดอ่าวจีน ในจำนวนที่เปิดให้คนดูนั้น มีคลิปลับของราชินีวิกตอเรียอยู่ด้วย อังกฤษจึงยกทัพมาปิดอ่าว หลินเจ๋อสวีรบแพ้ จีนถูกบังคับให้ทำสนธิสัญญานานกิง ระบุว่า
- ยอมชดใช้ค่าหนังโป๊ และค่าปฏิกรรมสงคราม จำนวน100000000000000000000000000000ล้านกีบ
- ยกเกาะฮ่องกงให้อังกฤษ
- เปิดเมืองก่วงโจว เซียะเหมิน ฝูโจว หนิงปัว เซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองถ่ายหนังโป๊
- ให้หนังโป๊ปลอดภาษี
- ยกเลิกการห้ามโฆษณาหนังโป๊ตลอด24ชั่วโมง
- คืนยศพ่อค้าตั๊กแตนทอดให้กับนช.ทุจศิล
สหบาทาชาติ[แก้ไข]
ดูบทความหลักที่ สหบาทาชาติ
สหบาทาชาติเป็นองค์กรที่จะช่วยยุติความวุ่นวายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เด่นกว่าสันนิบาตชาติตรงที่สามารถส่งกองทัพไปปราบความวุ่นวายในแต่ละท้องที่ที่ทำอะไรไม่เข้าหูชาติตะวันตกได้ แน่นอน แน่นอนที่สุด กองทัพที่ว่านี้ส่วนใหญ่มาจากสหรัฐอมาริเกย์ และสำนักงานใหญ่ของสหบาทาชาติก็อยู่ที่อมาริเกย์เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทุกประเทศที่ได้รับเอกราชแล้วต่างเป็นสมาชิกองค์กรนี้ทั้งสิ้น แต่ก็มีพวกไม่ยอมก้มหัวให้อมาริเกย์เป็นสมาชิกอีก สร้างความเดือดร้อนให้กองทัพอมาริเกย์ที่ต้องยกไปปราบเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม องค์กรนี้ไม่สามารถหยุดการเกิดสงครามโลกครั้งที่สามได้ เนื่องจากระบอบจักรวรรดิกลับมาอีกครั้งและมีการสร้างกองทัพที่เหนือกว่ากองกำลังสหบาทาชาติ
โครงสร้างทางสังคมในยุคนี้[แก้ไข]
เหมือนยุคกลางเด๊ะเลยในช่วงก่อนสงครามเจ็ดปี ภายหลังค่อยๆเพี้ยนมาเรื่อยๆ ชนชั้นกรรมาชีพมีอำนาจมากขึ้น การปฏิวัติอุตสาหกรรมทำให้เกิดชนชั้นกลางที่กลายมาเป็นแรงขับเคลื่อนของสังคมในเวลาต่อมา
ดูเพิ่มเติม[แก้ไข]
- จักรวรรดิ
- สหภาพโซเวียต
- สหรัฐอมาริเกย์
- สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง
- สงครามโลกครั้งที่สอง
- สงครามโลกครั้งที่สาม
ยุคก่อนหน้า | ยุคปัจจุบัน | ยุคต่อไป |
---|---|---|
ยุคกลาง | ยุคใหม่ | ยุคทุจศินาธิปไตย |
![]() |
บทความนี้ยังไม่ได้เขียนเนื้อหาหรือวางพล็อตเรื่อง แต่ผู้เริ่มบทความกำลังจะสร้าง คุณสามารถช่วยเราได้ด้วยการใส่เนื้อหาเพิ่มเติมจากผู้เริ่มบทความ ดูเพิ่มที่โครงส่วน |